[SF] Precious Christmas #หยางเฟิง
สวนสาธารณะในฤดูหนาวเงียบเหงากว่าที่เคย
เพราะผู้คนพอใจที่จะหลีกหนีความหนาวเข้าไปหาไออุ่นจากเตาผิงหรือฮีตเตอร์ภายในบ้านมากกว่า
มีเพียงแค่หยางหยางที่ยังคงนั่งบนชิงช้าตัวเล็กไกวตัวช้า ๆ
ราวกับกำลังเฝ้ารอใครบางคน
ตุบ!
เสียงของหนักหล่นกระแทกพื้นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของสวนสาธารณะในช่วงใกล้ค่ำ
หยางหยางกลอกตามองไปรอบ ๆ ก็เห็นบางสิ่งขยับไหวอยู่ใต้กองหิมะสีขาวโพลนที่ปกคลุมไปทั่วสนามหญ้าที่เคยเขียวสดใสในฤดูใบไม้ผลิ
หยางหยางค่อย ๆ ลุกจากชิงช้าและเดินไปยังจุดที่เขาเห็นบางสิ่งกำลังขยับอยู่นั้น
มีบางสิ่งจมอยู่ใต้กองหิมะ
หยางหยางลังเลเล็กน้อยพยายามมองหาอาวุธคู่กายสักอย่างติดมือไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน
เหลือบไปเห็นกิ่งไม้ที่หักร่วงอยู่โคนต้นก็คว้าไว้ทันทีก่อนเดินเข้าไปหาสิ่งต้องสงสัย
เขาค่อย ๆ ชะโงกตัวช้า ๆ เพื่อดูให้ชัด ๆ ว่าสิ่งนั้นคืออะไร
เขาขยับเข้าไปใกล้อีก...ใกล้อีก...
พรวด!!!
เกล็ดหิมะกระจายเต็มหน้าหยางหยาง
พร้อมกับการปรากฏตัวของสิ่งที่อยู่ใต้กองหิมะ
หยางหยางปัดเศษน้ำแข็งออกจากหน้าของตัวเองและกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อมอง ‘คน’ ที่อยู่ตรงหน้าให้ชัดขึ้น
“นายเป็นใคร” คนแปลกหน้าถามขึ้นขณะพยายามปักเศษหิมะออกจากตัว
“ฉันต่างหากที่ต้องถามว่านายเป็นใคร”
หยางหยางตอบพลางมองเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายใส่ซึ่งเป็นผ้าเนื้อบางไม่เหมาะกับอากาศตอนนี้เอาเสียเลย
คนแปลกหน้ามองไปรอบ ๆ
ดวงตากลมโตที่ประดับบนใบหน้าสวยหวานทำให้เขาดูเหมือนลูกกวางตัวโต ๆ เขามองมองไปรอบ
ๆ สวนสาธารณะก่อนหันกลับมามองที่หยางหยาง
“ฉันชื่อคริสต์มาส” คนแปลกหน้าพูดขึ้น
“ห้ะ คนบ้าอะไรชื่อคริสต์มาส”
“อย่ามาว่าชื่อฉันนะ นายคนไร้มารยาท
แล้วนายล่ะชื่ออะไร”
“ฉันชื่อหยางหยาง”
“คนบ้าอะไรชื่อหยางหยาง ที่บ้านเลี้ยงแกะเหรอ”
“นายก็ไร้มารยาทเหมือนกันแหละน่า” หยางหยางย้อน
“แล้วนายมานอนอยู่กลางหิมะแบบนี้ทำไม ไม่หนาวเหรอ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“ฉันตกลงมาจากข้างบน”
คนหน้าหวานบอกสถานะของตัวเองด้วยหน้าตาใสซื่อราวกับพูดถึงเรื่องในชีวิตประจำธรรมดาทั่วไป
“ห้ะ นายว่าไงนะ”
“ฉันเป็นเทวดา เพิ่งตกลงมาจากสวรรค์เมื่อกี๊นี้”
.............................................................................................................................................
“นี่นายคิดว่าจะหาวิธีกลับสวรรค์ได้จากหนังสือพวกนี้จริง
ๆ เหรอ” หยางหยางถามขึ้นเมื่อเขาพบคริสต์มาสอยู่ที่ห้องสมุดของคณะของเขาในวันรุ่งขึ้น
แม้หยางหยางไม่อยากจะเชื่อคนที่อ้างตัวว่าเป็นเทวดาสักเท่าไหร่
แต่ตอนนี้ก็มีแต่ต้องตามน้ำไปก่อน
“ก็ตอนนี้ฉันยังนึกอะไรไม่ออกนี่นา
ตอนที่ฉันอยู่บนสวรรค์น่ะ
เวลาสงสัยอะไรท่านแม่ก็จะให้ฉันไปหาจากห้องสมุดเองทุกทีเลย ที่นี่มีหนังสือตั้งเยอะแยะ
อาจจะมีวิธีก็ได้” เสียงหวานตอบกลับมาโดยที่สายตายังคงไล่ไปตามสันหนังสือบนชั้น
หยางหยางถอนหายใจก่อนหันไปสนใจหาหนังสือเพื่อทำรายงานของตัวเองต่อ
คืนก่อนคริสต์มาสเดินตามหยางหยางกลับไปที่บ้านเพราะบอกว่าตัวเองไม่มีที่ไป
เขาไม่รู้จะทำยังไงแม้จะไม่อยากให้ที่พักพิงแก่คนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากใจร้ายใจดำปล่อยให้มีคนนอนหนาวตายกลางหิมะ
หยางหยางเดาว่าคริสต์มาสอาจจะหนีออกจากบ้านมาเพราะปัญหาส่วนตัวอะไรสักอย่าง
ถ้าสบายใจแล้วเดี๋ยวก็คงกลับไปเอง ยอม ๆ ตามใจไปก่อนก็ไม่เสียหายอะไร
“หยางหยาง ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ” เสียงเล็ก ๆ
ของหลี่หลินเพื่อนร่วมคณะเรียกความสนใจให้หยางหยางหันไปมอง
“เอ่อ เอาสิ ไปคุยกันข้างนอกไหม”
หยางหยางกำลังจะเดินนำหญิงสาวเดินออกไปด้านนอกแต่ก็ถูกหยุดไว้ก่อน
“ไม่เป็นไร คุยตรงนี้ก็ได้”
“แต่ว่า...” หยางหยางปรายตามองคริสต์มาส
ดูเหมือนว่าหลี่หลินจะคิดว่ามีเพียงเธอและหยางหยางเท่านั้นที่ยืนอยู่ตรงนี้
“ตรงนี้ไม่มีใครพอดี คุยกันตรงนี้ก็ได้” หลี่หลินเกี่ยวมือตัวเองเอียงคออย่างขัดเขิน
“ไม่มีใครที่ไหนก็...”
หยางหยางแปลกใจกับสิ่งที่เพื่อนสาวพูดหันไปมองอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ แต่คริสต์มาสก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแนบปากตัวเองพลางพยักเพยิดให้เขาคุยกับหลี่หลินต่อไป
“อะ เอ่อ มีอะไรก็ว่ามาสิ”
“คือ...” หญิงสาวกัดปากอย่างลังเล
สูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนพูดประโยคต่อมา “ฉันชอบนาย เราคบกันได้ไหม”
หยางหยางหลุบตาลงหลังจากได้ยินคำถาม
ช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาสมันคือเทศกาสารภาพรักย่อม ๆ นี่เอง
หญิงสาวหลายคนตัดสินใจสารภาพรักเพื่อจะชวนแฟนไปเดตในวันคริสต์มาส
“ขอโทษนะ ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว
คงคบกับเธอไม่ได้หรอก”
“อ่อ อืม พอจะบอกได้ไหมว่าคนนั้นเป็นใคร”
หลี่หลินตกใจเล็กน้อยที่หยางหยางปฏิเสธอย่างรวกเร็ว
ก่อนกลั้นใจถามถึงคนที่อยู่ในใจของผู้ชายที่เธอแอบชอบมาตลอด
“เธอไม่รู้จักหรอก ขอบคุณนะที่มาบอก ขอโทษจริง ๆ
ที่ฉันรับความรู้สึกของเธอไว้ไม่ได้”
“อ่า ไม่เป็นไร งั้นฉันไปก่อนนะ”
หลี่หลินบอกลาและเดินจากไปด้วยสีหน้าผิดหวัง
“โฮ่ เนื้อหอมไม่เบานะเนี่ย มีสาวมาสารภาพรักซะด้วย”
คริสต์มาสเอ่ยแซว
“ไม่เห็นจะแปลก ใกล้คริสต์มาสแล้ว ใคร ๆ
ก็หาคนไปเดตด้วยทั้งนั้น” หยางหยางพูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
“เอ๋ แล้วนายมีคนเดตด้วยแล้วเหรอ
ถึงปฏิเสธไปแบบนั้นน่ะ” คริสต์มาสถามพลางเอียงคอมองอย่าสงสัย
“ไม่มี แล้วก็ไม่อยากไปด้วย” หยางหยางตอบห้วน
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ฉันเกลียดวันคริสต์มาส”
..............................................................................................................................................................
คืนวันคริสต์มาสอีฟที่ใคร ๆ ต่างก็พากันไปเที่ยวสนุกสนานแต่หยางหยางกลับนอนอ่านหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดบนเตียงสีขาวขนาดห้าฟุตในห้องนอนส่วนตัวราวกับว่าวันนี้ไม่มีความสำคัญอะไร
“นายจะไม่ออกไปเที่ยวข้างนอกจริง ๆ เหรอ”
เสียงหวานดังขึ้น
“เฮ้ย! นายไปทำอะไรตรงนั้น”
หยางหยางร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นคริสต์มาสนั่งอยู่บนต้นไม้ข้างหน้าต่างห้องนอนของเขา
เทวดาหน้าหวานหายตัวไปในพริบตาก่อนมาปรากฏตัวอีกครั้งที่ปลายเตียงของหยางหยาง
“เฮ้ย!”
“ทีนี้เชื่อหรือยังล่ะว่าฉันน่ะเป็นเทวดาจริง ๆ” คริสต์มาสค่อนขอด
ใบหน้าแสนงอนกับริมฝีปากยื่น ๆ นั่นทำให้หยางหยางนึกเอ็นดู
“โอเค ๆ ฉันเชื่อแล้ว แล้วนี่ทำไมอยู่ ๆ
ถึงได้ใช้เวทมนตร์ขึ้นมาล่ะ วันแรกที่เจอกันนายไม่ได้ใช้นี่”
“ก็เพราะวิธีการใช้เวทมนตร์บนสวรรค์กับบนโลกมนุษย์มันต่างกันน่ะสิ
นี่ฉันเพิ่งจับจุดได้ ก็เลยเพิ่งจะใช้เวทมนตร์ได้น่ะ”
“อ่อ ที่นายทำให้หลี่หลินไม่เห็นนายเมื่อตอนกลางวันสินะ”
“ไม่ใช่หรอก
ปกติแล้วไม่ควรจะมีมนุษย์คนไหนเห็นฉันด้วยซ้ำ”
“อ้าวว แล้วฉันเห็นนายได้ยังไงกัน”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“แล้วนี่นายมาหาฉันทำไม
ห้องนอนนายอยู่ข้างล่างต่างหาก”
“ฉันก็มาชวนนายออกไปเที่ยวข้างนอกน่ะสิ”
“ห้ะ? ฉันไม่ไปหรอก จะอ่านหนังสือ”
“มาเถอะน่า”
คริสต์มาสลากหยางหยางลุกขึ้นมาจากเตียงนอน
เอื้อมมือไปถอดแว่นตาออกจากใบหน้าคมแล้ววางไว้บนโต๊ะข้างเตียง
ที่มีเพียงกรอบรูปบานหนึ่งวางอยู่
“อ๊ะ! นี่รูปนายเหรอ โตขึ้นแล้วหล่อนะเนี่ย”
คริสต์มาสถามขึ้นเมื่อเห็นรูปที่อยู่ในกรอบเป็นรูปเด็กผู้ชายสองคนกอดคอกันยิ้มแย้มสะท้อนให้เห็นถึงความสุขที่โอบล้อม
“อย่ายุ่งน่า”
คริสต์มาสยู่หน้า
แม้จะสงสัยว่าอีกคนในรูปคือใครเพราะเขารู้สึกคุ้นหน้าอย่างประหลาดแต่ตอนนี้ความอยากออกไปเที่ยวงานเทศกาลของโลกมนุษย์นั้นมีมากกว่าจึงลุกไปรื้อตู้เสื้อผ้าของหยางหยางราวกับเป็นของ
ๆ ตัวเอง
“ชุดนี้ก็ดูดีนะ งั้นใส่ชุดนี้แล้วกัน”
“เฮ้ย! ฉันยังไม่ได้ตกลงว่าจะไปกับนายสักหน่อย”
“ไปเถอะน่า
ถือว่าเป็นไกด์นำเที่ยวพาเทวดาตกสวรรค์อย่างฉันไปเที่ยวโลกมนุษย์ก็แล้วกัน”
ยังไม่ทันจะได้คัดค้านอะไรชุดที่คริสต์มาสเลือกให้ก็เปลี่ยนมาอยู่บนตัวของหยางหยางราวกับมีเวทเวทมนตร์
ซึ่ง...มันก็คือเวทมนตร์จริง ๆ นั่นแหละ
“อะไรกันเนี่ย ฉันไม่ไปนะ!”
“มนุษย์ตัวจ้อยจะหาญมาลองฤทธิ์กับเทวดาน่ะ
ยังเร็วไปร้อยปี รู้ไว้ด้วย!”
....................................................................................................................................................
ไฟหลากสีในคืนเทศกาลแข่งกันอวดแสงส่องสว่างให้ทั้งเมืองมีชีวิตชีวาราวกับกลางวัน
ต้นคริสต์มาสนับร้อยถูกนำมาประดับอยู่ตามรายทางในสวนสาธารณะกลางเมือง
ใกล้กันคือแหล่งของร้านรวงซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาฉลองเทศกาลแห่งความสุข
“ว้าวววว สวยมากเลยล่ะหยางหยาง
ทำไมนายถึงไม่อยากออกมาเที่ยวกันเนี่ย”
“ฉันเบื่อ อยากกลับบ้านแล้ว”
“ใจร้าย พาฉันเที่ยวหน่อยไม่ได้หรือไงกัน”
พูดจบคริสต์มาสก็วิ่งเล่นไปทั่วสานสาธารณะที่มีต้นคริสต์มาสประดับไฟสีสวยเต็มไปหมด
“ถ้าหลงทางฉันไม่ตามหานะ!” ถึงจะพูดอย่างนั้นหยางหยางก็ยอมเดินตามคริสต์มาสไปอยู่ดี
หยางหยางถอนหายใจกับเทวดาแสนซนที่เขาต้องคอยดูแลเหมือนมีลูก ในโลกนี้คงไม่ได้มีเทวดาตกสวรรค์มาเที่ยวบอกนัก
เขาจะยอมตามใจสักวันก็แล้วกัน
“อ๊ะ หยางหยาง นายดูนี่สิ มันคืออะไรน่ะ สวยจังเลย” สิ่งที่คริสต์มาสถามคือขนมน้ำตาลรูปสัตว์สีลูกกวาดแสนสวยที่เขาเคยชอบกินสมัยเด็ก
ๆ นั่นเอง
“อ๊ะ หยางหยาง ดูนั่นสิ...” คริสต์มาสดูตื่นเต้นกับสิ่งของต่าง ๆ
บนโลกมนุษย์ที่โลกสวรรค์คงไม่มี
จนหยางหยางงชักอยากรู้ว่าบนโลกสวรรค์นั่นมันเป็นยังไงกันนะ
“อ๊ะ อันนี้ฉันรู้จัก มันเรียกว่าเถามิสเซิลโท” เสียงหวานเอ่ยด้วยความดีใจ “มีตำนานเล่าว่า
จูบใต้ช่อมิสเซิลโทคือสัญญารักว่าจะรักกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเล่าต่อด้วยความภาคภูมิใจ
“ไม่จริงหรอก
ขนาดแฮร์รี่ พอตเตอร์กับโช แชงยังเลิกกันเลย”
เสียงทุ้มขัดขึ้นเมื่อนึกกระหวัดไปถึงเรื่องราวจากวรรณกรรมก้องโลก
“นายนี่มันไม่โรแมนติกเอาซะเลย”
คริสต์มาสทำหน้าบู้ก่อนเดินหนีไปอีกทางจนหายลับไปกับฝูงชน
หยางหยางพยายามตามหาคริสต์มาส
แต่เจ้าตัวก็เหมือนกับอยู่ดี ๆ ก็หายตัวไปเสียอย่างนั้น
ซึ่งก็คงไม่แปลกเพราะคริสต์มาสเริ่มกลับมาใช้เวทมนตร์ได้แล้ว หรือจะใช้เวทมนตร์พาตัวเองกลับสวรรค์ไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้
หยางหยางไม่ได้ออกมาเที่ยวข้างนอกในวันคริสต์มาสนานหลายปีแล้ว
เพราะวันนี้ที่ใคร ๆ ต่างสนุกสนานรื่นเริงเป็นวันที่เขาเศร้าเสียใจที่สุด
“หยางหยาง มาปั้นตุ๊กตาหิมะด้วยกันเร็วเข้า” เสียงหวานร้องเรียกเพื่อนสนิทอย่างกระตือรือร้น
เด็กชายสองคนวิ่งเล่นกันท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายในคืนวันคริสต์มาส
“เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก นายยิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ด้วย”
เสียงทุ้มทักท้วงเพื่อนสนิท เด็กน้อยหน้าหวานเพื่อสนิทของเขามีโรคประจำตัวทำให้ไม่แข็งแรง
คุณน้าจึงคอยห้ามอยู่เสมอว่าไม่ให้เล่นอะไรแผลง ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า หยางหยางไม่โดนคุณแม่ตีหรอก ฉันจะปกป้องหยางหยางเอง”
“แต่หิมะตกแล้ว ถ้าไม่สบายจะเป็นหนักนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า มาเร็ว ๆ ฉันอยากปั้นตุ๊กตาหิมะ
ปั้นเป็นรูปอะไรดีนะ อ๊ะ! ปั้นเป็นรูปหยางหยางไง เพราะฉันน่ะรักหยางหยางที่สุดเลยยย...”
รอยยิ้มและคำกล่าวแสนน่ารักทำให้หยางหยางใจอ่อน
โดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เพื่อนตัวเล็กจะยิ้มให้เขา
“มัวแต่เหม่ออะไรน่ะ
นายสองแกะ”
“ห้ะ!” หยางหยางร้องขึ้นเบา ๆ ด้วยความตกใจที่อยู่คริสต์มาสก็มากระซิบข้างหูเสียใกล้
“อย่ามัวแต่เหม่อน่า
มาเร็ว ไปปั้นตุ๊กตาหิมะกัน”
มือขาวคว้าข้อมมือแกร่งให้เดินตามไปยังสวนหย่อมที่เต็มไปด้วยหิมะปกคลุมหนาขึ้นมาเกือบถึงเข่า
“ไม่เอาอะ
ฉันไม่ชอบ” หยางหยางบอกปัด เขาไม่อยากปั้นตุ๊กตาหิมะอีกแล้ว...
“คนใจร้าย
เล่นเป็นเพื่อนกันหน่อยก็ไม่ได้ ดูสิ ๆ ฉันตั้งใจปั้นให้เหมือนนายเลยนะ
เหมือนไหมล่า” เสียงหวานยังคงเจื้อยแจ้วอย่างไร้เดียงสาไม่ต่างจากครั้งแรกที่เจอกัน
หยางหยางหันไปมองตุ๊กตาหิมะตัวนั้นก่อนหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง
มันไม่ใช่ตุ๊กตารูปเขาเสียหน่อย มันคือตุ๊กตาแกะต่างหาก
ทั้งสองช่วยกันตกตแงตุ๊ตาหิมะพลางก็เล่นขว้างปาหิมะใส่กันอย่างสนุกสนาน
รอยยิ้มและความไร้เดียงสาของคริสต์มาสทำให้หยางหยางคลายความเศร้าโศกจากความทรงจำในอดีตให้เหลือเพียงหมอกจาง
ๆ
“นี่แน่ะ
แกล้งกันนักใช่ไหม” หยางหยางวิ่งไล่คนตัวเล็กกว่าจนเกือบทัน
แต่เพราะหิมะที่ท่วมหน้าทำให้เขาสะดุดล้มจนได้
“อ๊ะ!” พวกเขาล้มลงใต้ต้นคริสต์มาสต้นหนึ่งโดยที่หยางหยางล้มลงมาบนตัวของคริสต์มาสพอดิบพอดี
ระหว่างที่สบตากันไม่มีคำพูดใด ๆ ระหว่างพวกเขานานนับนาที มีเพียงเสียงกระดิ่งจากช่อมิสเซิลโทที่ประดับอยู่บนต้นสนที่ไกวล้อลมหนาว
เก๊ง เก๊ง เก๊ง
เสียงระฆังดังเหง่งหง่างในเวลาเที่ยงคืนตรง
เวลาล่วงเข้าสู่วันคริสต์มาสแล้ว
หนุ่มสาวที่มาเดตกันในสวนสาธารณะต่างอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันและตกอยู่ในภวังค์ของจุมพิตแสนหวาน
หยางหยางและคริสต์มาสมองไปรอบ ๆ
ด้วยอาการเก้อเขินก่อนจะหันมาสบตากันอีกครั้ง
ริ้วสีแดงพาดผ่านแก้มขาวบนดวงหน้าหวานทำให้หยางหยางนึกเอ็นดู
การได้อยู่กับคริสต์มาสทำให้เขามีความรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขเหมือนเวลาที่เขาเคยอยู่กับใครอีกคนที่ไม่ได้พบกันนานแล้ว
“อยากลองพิสูจน์ดูไหม...”
หยางหยางกระซิบแผ่วเบา
“อะ
อะไร พิสูจน์อะไร” คริสต์มาสพูดตะกุกตะกัก
“คำสัญญาใต้ช่อมิสเซิลโทไง...”
ดวงตากลมโตเหลือบมองคนตรงหน้าเพียงนิดหนึ่งก่อนเสตาหลบด้วยความเขินอาย
คริสต์มาสไม่สามารถต้านทานต่อแววตาจริงจังนั้นได้
ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ให้รับรู้ถึงลมหายใจที่เป่ารดผิวแก้ม
ดวงหน้าหวานเงยขึ้นประสานสายตาที่มองตอบมาอย่างสื่อความหมาย
ดวงหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้พร้อมลมหายใจอุ่นๆ สัมผัสบางเบาประทับบนริมฝีปากนุ่มแทนการขออนุญาต
กลีบปากบางตอบรับคำขอนั้นอย่างหยอกเย้าก่อนทุกสรรพเสียงรอบกายจะค่อย ๆ เลือนหายไป
...................................................................................................................
หยางหยางตื่นขึ้นมาในตอนสายของวันคริสต์มาส
เสียงลมหวีดวิวด้านนอกแว่วเข้ามาจากหน้าต่างที่ถูกเปิดแง้มไว้ซึ่งทำให้อากาศภายในห้องเย็นกว่าทุกวัน
มือหนากระชับผ้าห่มผืนนุ่มให้คลุมกายแน่นขึ้น ดวงตากระพริบเปิดสู้แสงของวันใหม่ก่อนเหลือบไปเห็นกรอบรูปที่โต๊ะข้างเตียง
ข้างกรอบรูปมีหนังสือเล่มหนึ่งที่มีคนเคยบอกว่ามันคือความลับระหว่างโลกมนุษย์และสวรรค์วางอยู่พร้อมขนนกเส้นหนึ่ง
เด็กชายที่ยืนข้างหยางหยางในรูปส่งยิ้มละไมมาให้เขาเสมอ แต่เช้านี้ต่างออกไปเพราะหยางหยางส่งยิ้มตอบกลับได้กว้างกว่าทุกที
“คิดถึงนายจัง อี้เฟิง”
-END-
Merry Christmas อีกครั้งค่ะทุกคน ^_^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น