วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

[SF] The Rhythm of Valentine’s #ถิงฝาน

[SF] The Rhythm of Valentine’s #ถิงฝาน
William Chan X Kris Wu



            เข้าเดือนกุมภาพันธ์แล้วอากาศก็ยังหนาวอยู่ดี ผมเป่ามือที่ถูกันไปมาเพื่อเพิ่มความอบอุ่น อากาศหนาว ๆ ในปักกิ่งไม่เป็นมิตรกับผมเอาเสียเลย ผมเร่งฝีเท้าไปตามทางเดินเพื่อไปถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด
มือที่ซีดเพราะอากาศหนาวผลักประตูกระจกของตึกศูนย์กิจกรรมของมหาวิทยาลัยเข้าไป ช่วงนี้มีคนไม่มากนักเพราะอยู่ในช่วงปิดเทอม เมื่อเข้ามาในตัวตึกผมก็รีบเอาหยิบการ์ดที่มีชื่อ ‘Kris Wu’ แตะผ่านช่องกั้นแล้วตรงดิ่งเข้าไปยังบริเวณส่วนเครื่องดื่มบริการตัวเอง อากาศเย็น ๆ แบบนี้ได้ดื่มอะไรร้อน ๆ สักหน่อยคงทำให้รู้สึกดีไม่น้อย
ผมถือแก้วช็อกโกแล็ตร้อนด้วยสองมือพลางเป่าลมผ่านผิวหน้าของเหลวในแก้วพร้อมกับสัมผัสไอร้อนที่ลอยขึ้นมาปะทะใบหน้าด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลาย อาคารศูนย์กิจกรรมแห่งนี้พูดง่าย ๆ ก็คือตึกรวมของชมรมต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยนั่นเอง โดยตึกนี้เป็นตึกของชมรมด้านศิลปะและดนตรี ส่วนชมรมกีฬาจะมีห้องชมรมอยู่ภายในตึกของสนามกีฬากลางของมหาวิทยาลัย
ฟึ่บ!
ยังไม่ทันที่ผมจะยกช็อกโกแล็ตร้อนขึ้นดื่ม ก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งลอยมาอยู่ตรงหน้า

การแข่งขัน Street Dance ประจำฤดูหนาว
ประเภททีม ทีมละ 3-5 คน
14 กุมภาพันธ์ 2016 เวลา 14.00 น.
รับสมัคร 1-13 กุมภาพันธ์ 2016
ณ ศูนย์กีฬามหาวิทยาลัย XXX
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ....

“คิดแล้วเชียวว่านายต้องอยู่ที่นี่
เพราะประโยคนั้นผมถึงได้เงยหน้ามองขึ้นไปเหนือแผ่นกระดาษและพบว่าใครที่เป็นคนยื่นป้ายประกาศนี้มาอยู่ตรงหน้าผม
“ไง วิลเลียม” วิลเลียมรุ่นพี่--หรืออีกนัยหนึ่งคือคนรักของผมนั่นเอง ดูสภาพแล้วคงเพิ่งซ้อมบาสเสร็จเพราะมาทั้งชุดทีมแถมเหงื่อนี่ซ่กเลย
วิลเลียมแค่ยักคิ้วให้ก่อนวางแผ่นกระดาษไว้บนโต๊ะตัวเตี้ยแย่งแก้วช็อกโกแล็ตร้อนไปจากมือผมแล้วยังมานั่งเบียดผมบนโซฟาอีกต่างหาก
“ฟู่ววว ข้างนอกหนาวชะมัดเลย” เขาทำท่าสั่น ๆ แล้วเบียดตัวเข้ามาซุกหลังผม
“ก็ใครใช้ให้มาทั้งชุดนี้แถมเหงื่อเต็มตัวแบบนี้ล่ะ โค้ทก็ไม่ใส่มา มันก็หนาวน่ะสิ”
“ก็ฉันเพิ่งซ้อมเสร็จ พอเห็นประกาศนี่ก็รีบมาหานายเลยน่ะสิ ลืมไปว่าอากาศข้างนอกมันหนาว” สนามกีฬาในร่มมีฮีตเตอร์ช่วยปรับอุณหภูมิ แต่ลืมว่าอากาศมันหนาวนี่นะ...
โอเค ผมจะพยายามเข้าใจเขาครับ

.........................................................................................................................

“สรุปเควินมันตกลงนะ เย็นนี้มันก็ว่าง นายจะให้จองห้องซ้อมเลยไหม” ผมคุยโทรศัพท์กับปลายสายที่โทรมาถามเรื่องการแข่งขันสตรีทแดนซ์ของมหาวิทยาลัยที่จะมีขึ้นในสิบกว่าวันข้างหน้า
“เอาสิ จองเลย เดี๋ยวฉันถึงม.แล้วจะโทรหาอีกที”
“แล้วเจอกัน”
ผมวางสายโทรศัพท์จากวิลเลียมพอดีกับที่มีอีกสายโทรเข้ามา
“ฉันจะเข้าไปช่วงบ่าย ๆ นะ” เควิน เพื่อนสนิทของผมเองครับ หลังจากชวนให้ลงแข่งสตรีทแดนซ์ด้วยกันได้ วันนี้ก็เป็นวันแรกที่พวกเราสามคนจะได้มาเริ่มซ้อมกันสักที
“โอเค ฉันรอที่ตึกกิจกกรมนะ รีบ ๆ มาล่ะ” ผมกำชับ แม้ในใจจะรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยที่ทำให้เพื่อนไม่ได้กลับบ้านช่วงตรุษจีน แต่ผมมั่นใจว่างานนี้เควินก็ต้องอยากลงแข่งไม่แพ้ผม
ผมเดินเข้ามาในห้องที่จองเอาไว้สำหรับซ้อมในวันนี้ เป็นห้องของชมรมบัลเล่ต์เลยเหมาะกับการซ้อมเต้นมาก เพราะมีอุปกรณ์ช่วยวอร์มร่างกายและกระจกผนังขนาดใหญ่
ผมวางกระเป๋าลงบนโต๊ะข้าง ๆ โซฟาตัวเดียวในห้องลองเปิดเพลงในลิสต์เพลงที่เลือกมาทั้งคืนแล้วคิดท่าไว้คร่าว ๆ ระหว่างที่รออีกสองคนที่เหลือ
พอช่วงใกล้เที่ยงผมเลยคิดว่าจะงีบสักหน่อย จะได้เก็บแรงเอาไว้ซ้อมในช่วงบ่าย...


ผมหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็เพราะมือถือที่หล่นอยู่ข้างตัวบนโซฟากำลังสั่น แต่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นก็พบว่าใบหน้าของเพื่อนสนิทอยู่ใกล้แค่เพียงนิ้วกั้น
เราสบตากันในสุญญากาศของความรู้สึก
แกรก...
เสียงเปิดประตูดังขึ้นเพราะมีคนเข้ามา เป็นวิลเลียมนั่นเอง เขามองค้างกับภาพความใกล้ชิดของผมกับเควิน ผมไม่ทันได้คิดอะไรก็ผลักเควินออกห่างจากตัวอย่างรวดเร็ว
เราทำตัวไม่ถูกกันอยู่ชั่วขณะแล้วเริ่มซ้อมกันโดยไม่มีใครพูดถึงมันอีก

...............................................................................................................................

ช่วงก่อนวันแข่งขันทั้งมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยดอกกุหลาบและลูกโป่งสีชมพูที่บรรดานักศึกษาที่อยู่ทำกิจกรรมในช่วงปิดเทอมต่างออกมาช่วยกันตกแต่งสถานที่เพื่อต้อนรับวันวาเลนไทน์
งานแข่งสตรีทแดนซ์เป็นในไฮไลท์ของเทศกาลแห่งความรักในมหาวิทยาลัยของผมเพราะสมาชิกของชมรมสตรีทเอ็กซ์เซอร์ไซส์เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดงานนี้ แถมทีมสตรีทแดนซ์ของชมรมยังมีชื่อเสียงชนะรางวัลการประกวดสร้างชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัยมากมาย
ระหว่างที่ผมจะไปเข้าห้องน้ำก็ได้ยินเสียงคนคุยกันมาจากที่ไม่ไกลนัก
“ผมขอโทษครับเฮีย” มันคือเสียงของเควิน ผมจำได้ดี
“...”
“ผมผิดเองที่คิดกับคริสมากกว่าเพื่อน ผมสัญญาว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบวันนั้นอีก”
“เฮ่อ” เสียงถอนหายใจยาวจากคนที่ผมคุ้นเคยที่สุด “ฉันไม่ว่านายหรอกนะ เรื่องความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้”
“เฮียจะด่าผมก็ได้ครับ หรือไม่ให้ผมยุ่งกับคริสอีกเลยก็ได้—“
“เฮ่ย ไม่เอาน่า อย่าทำให้ฉันลำบากใจเลย”
“ผม...”
“คริสรู้หรือเปล่า”
“คิดว่าไม่รู้ครับ แต่หลังจากวันนั้น...ผมไม่แน่ใจ”
ทำไมผมจะไม่รู้
ผมรู้ทุกอย่างมาตลอด ความรู้สึกของเควิน...
แต่ผมไม่รู้ทำยังไง
ฉันขอโทษ...


หลายวันที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความอึดอัด วันก่อนวันแข่งขันผมกับวิลเลียมที่เดินไปตามถนนที่ทอดยาวในรั้วมหาวิทยาลัยหลังจากซ้อมเต้นเสร็จ เราเดินผ่านสนามกีฬาในร่มที่เงียบสนิทในเวลาเย็นย่ำ
“เล่นบาสด้วยกันหน่อยไหม” อยู่ดี ๆ ก็เป็นวิลเลียมที่พูดขึ้นมา
ผมหันไปมองหน้าคนชวนเล็กน้อยก่อนตอบรับ
“อือ เอาสิ ไม่ได้เล่นนานแล้ว”


เสียงลูกบาสกระทบพื้นดังเอี๊ยดอ๊าดก้องไปทั่วสนามที่ร้างผู้คน เราผลัดกันเดินเกมรุกและรับกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ความรู้สึกที่อึดอัดคาใจแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อนและความอยากเอาชนะในเกม ความมึนตึงในหลายวันที่ผ่านมาถูกลืมไปราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้น
วิลเลียมเป็นคนที่รู้จักผมดีที่สุดจริง ๆ
ผมทิ้งตัวลงนั่งพักเหนื่อยบนพื้นสนาม วิลเลียมวิ่งไปเก็บลูกบาสที่กลิ้งหนีไป ผมมองตามเขาที่เลี้ยงลูกบาสกลับมาช้า ๆ เราสบตากันในระหว่างที่ระยะห่างของเราค่อย ๆ ลดลง บนใบหน้าคมคายมีรอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นก่อนจังหวะของลูกบาสจะเริ่มเร็วขึ้น...

I need you boo, I gotta see you boo
And the hearts all over the world tonight,
Said the hearts all over the world tonight
วิลเลียมร้องเพลงคลอไปกับจังหวะของลูกบาส พร้อมทั้งเต้นไปตามท่าที่เราซ้อมกันมาวันนี้ นิ้วมือที่พลิ้วไหวควบคุมลูกบอลสีส้มได้ดังใจเกิดเป็นเครื่องดนตรีชิ้นใหม่ที่สร้างจังหวะขึ้นท่ามกลางสนามบาสที่มีเพียงเขาและผม

I need you boo, I gotta see you boo
And the hearts all over the world tonight,
Said the hearts all over the world tonight
ผมยิ้มให้กับสายตาเชิญชวนของเขา มันเหมือนกำลังบอกผมอยู่ว่า ลุกขึ้นมาเต้นด้วยกันสิซึ่งผมก็ไม่รอช้าที่จะตอบรับคำเชิญนั้น
Hey! Little mama, oh, you a stunna'
Hot, lil' figure, yes, you a winner
And I'm so glad to be yours,
You're a class all your own
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ลูกบาสกลิ้งไปหยุดอยู่บนพื้นอย่างสงบและมีเพียงเราสองคนที่ยังเคลื่อนไหว เสียงร้องที่รวมประสานกับท่วงท่าของร่างกายที่ขยับไปในจังหวะเดียวกัน เหมือนโลกภายนอกทั้งหมดหยุดเคลื่อนไหว... มีเพียงเข็มนาฬิกาของ เราที่กำลังก้าวเดิน
And, oh, little cutie, when you talk to me
I swear, the whole world stops, you're, my sweetheart
And I'm so glad that you are mine, you are one of a kind
And…

การแข่งขันจบลงไปแล้ว พวกเราได้รางวัลที่สอง ทุกคนสนุกสนานกับงานปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่ชมรมสตรีมเอ็กซ์เซอร์ไซส์จัดให้กับผู้ร่วมงานทุกคน เควินขอตัวกลับไปก่อนหลังจากที่แข่งเสร็จโดยที่ความมึนตึงบางอย่างยังคงรายล้อมเราอยู่
“ไปเดินเล่นกันไหม” วิลเลียมเอ่ยชวนตอนที่งานเลี้ยงกำลังเข้าสู่ช่วงการแสดงร้องเพลง
ผมเพียงพยักหน้ารับแล้วเดินนำออกไปนอกบริเวณงาน
เราเดินเล่นกันมาตามทางเดินรอบสระน้ำขนาดใหญ่ใจกลางมหาวิทยาลัย เสียงเพลงจากงานเลี้ยงแว่วมาให้ได้ยินท่ามกลางบรรยากาศโดยรอบที่เงียบสงบ
“คิดมากเหรอ” วิลเลียมถาม
“หืม?”
“เรื่องเควิน”
“อือ”
“อยู่กับฉัน ไม่คิดเรื่องของคนอื่นได้ไหม” เสียงทุ้มพูดราวกับกำลังคุยสารทุกข์สุขดิบทั่วไป ผมไม่รู้จะตอบว่าอะไร เพราะในหัวยังคงกังวลเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเควิน
“...”
“ฉันรู้ว่านายไม่ได้คิดอะไร แต่นายถ้านายมัวแต่คิดถึงคนอื่น มันไม่ใจร้ายกับฉันไปหน่อยเหรอ”
“ผมขอโทษ”
ผมมัวแต่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นจนลืมแคร์คนที่อยู่ข้าง ๆ กันจริง ๆ
ทั้ง ๆ ที่เขาคิดถึงแต่ความรู้สึกของผมตลอดแท้ ๆ
“ไม่ต้องคิดมากหรอก สักวันมันจะดีขึ้นเอง”
“อื้ม”
ผมผงกหัวรับคำนั้นพลางยกมือขึ้นมาเป่าไล่ความเย็นจากอากาศหนาว ก่อนฝ่ามือของตัวเองจะถูกช่วงชิงไปจากคนข้างตัว
ผมส่งสายตาเป็นคำถาม แต่วิลเลียมไม่ได้มองกลับมาเพียงฉวยมือผมไปสอดไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทของตัวเอง
“อุ่นขึ้นไหม” วิลเลียมถามโดยที่ยังไม่ได้มองกลับมา
อุ่น...
อุ่นมาก
อุ่นที่สุดเลย

นิ้วมือของผมสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ท ผิวสัมผัสของมันเย็นเพราะทำจากโลหะ รูปร่างของมันเป็นวงกลมเล็ก ๆ ...
ผมหันไปมองวิลเลียม เขากระชับมือของผมแน่นขึ้น
“สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ”
พอดีกับที่เราเดินวนกลับเข้ามาใกล้งานเลี้ยงมากขึ้นจนได้ยินเสียงเพลงชัดเจน

You mean to me what I mean to you and together baby,
There is nothing we won't do
'Cause if I got you, I don't need money,
I don't need cars, girl, you're my all

วิลเลียมร้องเพลงคลอไปกับเสียงเพลงจากงานเลี้ยงโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ระหว่างเราไม่ค่อยมีคำพูดมากนัก แต่เรารับรู้ความรู้สึกของกันและกันผ่านการกระทำที่แสนเรียบง่าย
ผมอยากจะบอกความรู้สึกของผมผ่านบทเพลงนี้เช่นกัน
And oh! I'm into you, and girl, no, one else would do,
'Cause with every kiss and every hug,
You make me fall in love,
And now I, no I can't be the only one,
I bet his heart's all over the world tonight,
With the love of his life who feel
What I feel when I'm with you, with you, with you, with you, with you…

มือที่สอดประสานและบทเพลงที่เราร้องด้วยกัน เสียงดนตรีและทุกก้าวเดินที่เราเดินไป มันหลอมรวมเป็นจังหวะเดียวกับก้อนเนื้อเล็ก ๆ ที่เต้นอยู่ในอกของผมตอนนี้
ผมกระชับมือของวิลเลียมตอบแน่นขึ้นส่งผ่านถ้อยคำบางอย่าง
หวังว่าเขาจะรู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจของผมเช่นกัน


END


Belated Happy Valentine นะคะ มาช้าแต่ดีกว่าไม่มาเนอะ 555

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

[Special Fic] #วาเลนไทน์ของเฉินเหว่ยถิง Part 7

[Special Fic] #วาเลนไทน์ของเฉินเหว่ยถิง Part 7

พบกันอีกครั้งกับฟิค #วิ่งเปี้ยวโปรเจกต์ ซึ่งคราวนี้มาในธีม “วาเลนไทน์”
โดยเราจะเขียนต่อกัน 4 คนคนละ 2 หน้าถ้วน ไม่มีการบอกพล็อต ต่อแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้
อยากรู้ไหมคะ ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป มาลุ้นด้วยกันสิคะ :D

ความเดิมตอนที่แล้ว
Part 1 by @cmart138
Part 2 by @en_gen95
Part 3 by @ConiCat
Part 4 by @Essorhino
Part 5 by @cmart138
Part 6 by @en_gen95





Part 7


ผมต่างหากต้องเป็นฝ่ายถามคุณว่าต้องการอะไรจากผมกันแน่?” สายตาของเชียนซีจ้องตรงมาที่เฉินเหว่ยถิงอย่างไม่เกรงกลัว
“หืม? แล้วนายคิดว่าฉันต้องการอะไรดีล่ะ”
“นายคิดอะไรกับจุนไคกันแน่”
“โหะ... นั่นนายต้องถามตัวเองหรือเปล่าไม่ใช่มาถามฉัน เด็กน้อย”
“ใช่ เพราะฉันยังเด็ก เลยไม่ทันผู้ใหญ่มากเล่ห์อย่างนายไง”
“เกมนี้มันไม่มีกติกาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เฉินเหว่ยถิงพูดเสียงเรียบก่อนเดินจากไปโดยไม่สนใจเชียนซีอีก
เชียนซียังคงคุกรุ่นในอารมณ์ ถ้าใครจะแย่งต้าเกอไปจากเขา เขาจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด เฉินเหว่ยถิงเป็นผู้ชายมากเล่ห์ที่ดูยังไงก็ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด เขาจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนนี้มาทำร้ายต้าเกอเด็ดขาด

หยางหยางชวนทุกคนไปเล่นเครื่องเล่นที่ต้องเปียกน้ำ แต่จุนไคมีอาการไม่ค่อยสบายอยู่ก่อนแล้วเหว่ยถิงจึงไม่อนุญาตให้เล่น แต่หยางหยางก็ดึงดันจะเล่นให้ได้
“เฮียก็อยู่กับจุนไคก็ได้นี่ คนอื่น ๆ ไปเล่นด้วยกันเถอะ”
“ไม่ได้!” เชียนซีแย้งขึ้นมาในทันที เขาจะปล่อยให้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อยู่กับต้าเกอตามลำพังได้ยังไง
หวังหยวนที่เห็นว่าเพื่อนดูไม่พอใจเลยรีบไกล่เกลี่ย
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เชียนซี เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อนต้าเกอด้วย นายไปเล่นเป็นเพื่อนหยางเกอเถอะนะ”
“แต่ว่า...”
“นะ น้า ตรงนี้ไม่มีอะไรหรอก”
หวังหยวนทำหน้าออดอ้อนทีไรเชียนซีก็เป็นต้องใจอ่อนยอมเดินตามหยางหยางไปต่อแถวเข้าคิวเล่นเครื่องเล่นจนได้ แม้จะไม่เต็มใจนักแต่อย่างน้อยต้าเกอก็ไม่ได้อยู่กับตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นสองต่อสอง
“ดูทำหน้าเข้า อยู่กับฉันมันน่าเบื่อนักหรือไง” หยางหยางถามขึ้นเมื่อพวกเขาใกล้ที่จะถึงคิวเล่นเครื่องเล่นแล้ว
“ผมไม่ได้สนิทกับพี่ มันก็ปกติที่จะเบื่อเป็นธรรมดา”
“หือ ใจร้ายจังเลยนะ”
“...” เชียนซีหันไปมองอีกฝ่ายที่ทำหน้าหงอยก็อดจะรู้สึกผิดไม่ได้ที่พูดจาไม่รักษาน้ำใจ “เอ่อ...”
“ไปกันเถอะ ถึงคิวแล้ว” พูดจบหยางหยางก็คว้ามือของเชียนซีเดินไปนั่งในเครื่องเล่น
พวกเขานั่งเตรียมพร้อมบนเครื่องเล่นที่เหมือนแพลำใหญ่ ซึ่งมันจะค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปตามน้ำตกจำลอง เมื่อถึงจุดที่แพจะตกลงไปในน้ำตกเชียนซีก็หลับตาปี๋ทั้งยังบีบรัดฝ่ามือหยางหยางที่ตอนแรกจับมือของเขาเอาไว้เพียงหลวม ๆ
ปฏิกิริยาของเชียนซีทำให้หยางหยางถึงกับอมยิ้ม
เด็กยังไงก็เป็นเด็กแหละน้า

หลังจากแพเครื่องเล่นลำใหญ่กลับมาจอดที่เดิมเมื่อเครื่องเล่นครบรอบแล้วเชียนซีถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาจับมือของหยางหยางเอาไว้เสียแน่น แต่เมื่อเขาพยายามจะคลายมือออก ก็เป็นอีกฝ่ายที่เพิ่มแรงเกี่ยวรัดเอาไว้แน่นเข้า
เชียนซีเงยหน้าขึ้นมองหยางหยาง แต่หยางหยางก็ไม่ได้ให้คำตอบกับความหมายของฝ่ามือนั้น
พวกเขาเดินออกมาจากโซนเครื่องเล่นโดยที่มือยังคงจับกันอยู่
น่าแปลก...ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็ไม่ได้สนิทกันมาก แต่ความใกล้ชิดนี้กลับไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดอะไร
บางที ถ้าเวลายืดยาวไปอีกสักหน่อยก็คงดี

พอดีกับที่เชียนซีเหลือบไปเห็นเฉินเหว่ยถิงกำลังใช้กระดาษทิชชูเช็ดรอยเปื้อนคราบไอศกรีมออกจากมุมปากของจุนไคให้อย่างอ่อนโยน แม้ท่าทางนั้นจะไม่ได้ดูรุ่มร่ามจนน่าเกลียด แต่สิ่งที่ทำให้ในอกของเชียนซีร้อนเป็นไฟก็คือสายตาของต้าเกอที่มองตอบคนที่อยู่ด้วยกันมากกว่า

นั่นมันรอยยิ้มของต้าเกอ
รอยยิ้มของเขา...
ทำไม ทำไมต้าเกอถึงยิ้มให้คนอื่นแบบนั้นล่ะครับ

เชียนซีไม่อาจทนเห็นภาพบาดตาบาดใจนั้นได้จึงแทบจะโผเข้าไปหาทั้งสองคนที่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศอ่อนหวานนั้น
แต่เพียงก้าวขาออกไปเชียนซีก็รู้สึกได้ถึงแรงรั้งที่ฝ่ามือ
“จะไปขัดจังหวะพวกเขาทำไมล่ะ” หยางหยางขัดขึ้นแต่แววตานั้นแฝงแววแง่งอน
“...” เชียนซีอยากเถียงกลับ แต่พอเห็นริมฝีปากล่างที่ถูกขบกัดแล้วก็กลัวมันจะช้ำ มองมือที่พวกเขาจับกันอยู่แล้วก็ยิ่งสับสนในตัวเอง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากัน

ต้าเกอ ผมเป็นอะไรไป...

ทางด้านของหวังหยวนเมื่อปล่อยให้พี่ชายของตัวเองให้ได้อยู่กับจุนไคสองต่อสองแล้วก็ดีอกดีใจที่แผนการของตัวเองสำเร็จลุล่วงด้วยดี
เขาแอบเห็นแล้วล่ะว่าเหว่ยถิงเกอมีเบอร์ของจุนไคอยู่กับตัว แถมยังคอยเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามถึงต้าเกอบ่อย ๆ ด้วย วันนี้เค้าจะเป็นกามเทพแผลงศรให้พี่ชายที่เขารักทั้งคู่ก็แล้วกัน
หวังหยวนเดินหนีไปอีกทางว่าจะไปดูสักหน่อยว่าเชียนซีกับหยางหยางได้เล่นเครื่องเล่นกันหรือยัง
พลันสายตาก็หันไปเห็นคนสองคนที่ยืนมองเหว่ยถิงเกอกับต้าเกออยู่
เหว่ยถิงเกอโน้มตัวลงไปใกล้ต้าเกอมากขึ้น แต่ระหว่างเขาทั้งสองคนคืออะไรเขาไม่อาจรู้ได้เพราะอยู่ในมุมอับสายตา แต่คนสองคนที่มือสอดประสานจับกันอยู่นั้นเขาเห็นทุกอย่างชัดเจน
มือของหยางเกอรั้งเชียนซีเอาไว้ พวกเขาคุยอะไรกับไม่กี่คำ ก่อนที่หยางเกอจะโน้มตัวลงมา แล้วริมฝีปากของทั้งคู่ก็สัมผัสกัน
โลกทั้งใบของหวังหยวนกำลังพลิกกลับ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น...
พลันทุกอย่างในสายตาก็ดับมืดลง มือของใครบางคนปิดกั้นไม่ให้มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เสียงทุ้มที่คุ้นเคยกระซิบข้างหูแผ่วเบา
“อย่ามอง...”


TBC

ทวงตอนต่อไปได้ที่ @Essorhino ค่ะ #วาเลนไทน์ของเฉินเหว่ยถิง