[Special Fic] Memory: วันตรุษจีนของเฉินเหว่ยถิง
Part 6
#วิ่งเปี้ยวโปรเจกต์
#วิ่งเปี้ยวโปรเจกต์
พบกันอีกครั้งกับฟิค #วิ่งเปี้ยวโปรเจกต์ ซึ่งคราวนี้มาในธีม
“ตรุษจีน”
โดยเราจะเขียนต่อกัน 3 คนคนละ 2 หน้าถ้วน
ไม่มีการบอกพล็อต ต่อแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้
อยากรู้ไหมคะ ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป
มาลุ้นด้วยกันสิคะ :D
ความเดิมตอนที่แล้ว
Part 6
ยังไม่ทันจะไปถึงจุดนัดหมาย
เฉินเหว่ยถิงก็ถูกกักตัวไว้ตั้งแต่หน้าประตูบ้าน เงาของร่างสูงกว่าร้อยเก้าสิบเซนติเมตรทาบทับตัวเขาพร้อมแผ่รังสีคุกคามเกินกว่าเขาจะขยับตัว
...หนีไม่ทัน...
“คุณจิ่ง...”
“จะรีบไปไหนล่ะ
วิลเลียม ไม่ยกชามาต้อนรับเจ้านายเก่านายหน่อยหรือไง”
เฉินเหว่ยถิงจำเป็นต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนตอบไปด้วยเสียงที่นิ่งเรียบที่สุด
“เชิญครับ”
ชายหนุ่มในคราบพ่อค้าขายเกาลัดค้อมตัวให้แก่แขกผู้มาเยือนพร้อมผายเชิญอีกฝ่ายเข้าไปในตัวตึก
“นายออกจากคุกมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นทันทีที่น้ำชาถูกรินจนเต็มถ้วยและเลื่อนมาวางให้ตรงหน้า
แขกของเฉินเหว่ยถิงคือ จิ่งป๋อหรัน เจ้านายเก่า...ไม่สิ
ก็ยังถือว่าเป็นเจ้านายคนปัจจุบันอยู่
“ออกมาได้สามปีแล้วครับ”
เฉินเหว่ยถิงตอบเท่าที่ถูกถาม ไม่อยากต่อเรื่องราวให้มีพิรุธ
ทั้งสองสบตากันอย่างหยั่งเชิง
มือเรียวของจิ่งป๋อหรันขยับยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบช้า ๆ
“ใครเป็นคนช่วยนาย
ฉันไม่ได้มีคำสั่งให้ใครช่วยนายออกมา”
“ไม่มีครับ”
“อย่าให้ฉันต้องถามหลายรอบ
นายรู้อยู่แล้วว่าควรตอบคำถามฉันยังไง”
จิ่งป๋อหรันยังคงกล่าวด้วยระดับเสียงเดิมแม้ความไม่พอใจจะเริ่มก่อตัวขึ้นภายใน
“ผมเสนอตัวช่วยงานในเรือนจำจนได้เป็นนักโทษชั้นดี
เลยได้รับการลดโทษครับ”
“หืม...ลดโทษ
นักโทษชั้นดี ดูไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับนายเลยว่าไหม”
“...”
เฉินเหว่ยถิงไม่ตอบอะไร
“ออกมาแล้วไม่ติดต่อกลับไปที่พรรค
หมายความว่านายจะตัดขาดจากพรรคของฉันแล้วอย่างนั้นสิ?”
“นักโทษเพิ่งถูกปล่อยตัว
ยังไงก็ต้องถูกจับตามอง ถ้าผมรีบกลับไปอาจจะเป็นภัยต่อพรรคของเราได้”
“พรรคของเรา?
นายยังคิดว่าตัวเองเป็นคนของพรรคอยู่อย่างนั้นเหรอ”
“ผมเป็นคนของคุณคริส
ถ้าคุณคริสยังให้ผมทำงานให้เขาอยู่ ผมก็ยังเป็นคนของพรรคครับ”
กริ๊ก...
เสียงถ้วยน้ำชาถูกวางลงบนโต๊ะดังกังวานท่ามกลางความเงียบสงัดในช่องว่างของบทสนทนา
จิ่งป๋อหรันหรือเจ้าของฉายา ‘งูเล็ก’ มองมือของตนเองที่ประสานกันตรงหน้าขยับไปมา
“เจ้านายนิสัยยังไง
ลูกน้องก็นิสัยอย่างนั้น คอยแต่จะพยศอยู่ตลอด...ถ้านายพูดอย่างนั้น
ฉันคงไม่มีอะไรจะพูดอีก” จบคำจิ่งป๋อหรันก็ลุกจากเก้าอี้
เฉินเหว่ยถิงเดินไปเปิดประตูให้อย่างนอบน้อม
จิ่งป๋อหรันกำลังจะก้าวพ้นประตูก็หยุดชะงักจังหวะหนึ่ง
เฉินเหว่ยถิงจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตาได้เพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเกิดเสียงดังขึ้น
ปัง
!
หน้าอกของเฉินเหว่ยถิงทะลุด้วยลูกตะกั่ว
เลือดสีแดงข้นเหนียวไหลซึมออกมานอกเสื้อก่อนร่างทั้งร่างจะค่อย ๆ ล้มลง...
ปัง
! ปัง ! ปัง !
เฉินเหว่ยถิงลืมตาขึ้นอย่างตื่นตระหนก
เสียงเข็มนาฬิกาที่ขยับเดินของนาฬิกาปลุกข้างหัวเตียงดึงสติของเขาให้กลับสู่ปัจจุบัน ลมหายใจหอบกระชั้นค่อยลดจังหวะลง
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้า
เสียงปึงปังด้านนอกมาจากเสียงประทัดที่ถูกจุดเนื่องในวันตรุษจีน เขาเดินลงมาด้านล่างก็พบกับซองแดงเจ้าปัญหา
เมื่อคืนนี้เขาพบคุณหนูเชียนลูกเจ้าของร้านทองที่เขาชอบแอบมองอยู่บ่อย
ๆ ตอนไปขายเกาลัดที่ตลาดพร้อมกับกล้องถ่ายรูปเจ้าปัญหา แม้จะแอบหวังไว้บ้างแต่ก็ไม่คิดว่าจะใช่จริง
ๆ
แต่ในคืนนั้นเขาก็ฝันประหลาด...
ในฝันเขาจับได้ว่าเสี่ยวหยวนเป็นคนที่ส่งซองแดงมาให้เขา แต่ซองแดงนั้นกลับส่งมาจาก
K เจ้านายเก่าของเขา
ทุกอย่างฉุกละหุกสับสนไปหมด แต่ในความฝันนั้นเหมือนจริงเหลือเกิน โดยเฉพาะ...
ความรู้สึกตอนที่ถูกยิงและใบหน้าของจิ่งป๋อหรันที่มีรอยยิ้มฉาบอยู่แต่ดวงตานิ่งสนิทนั้นยังติดอยู่ในหัวสมองของเขา
ความรู้สึกสังหรณ์บางอย่างรุมเร้าเข้ามาให้หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกเหนื่อยหอบ
กริ๊งงงงงงง.....
ออดดดดด.....
เสียงโทรศัพท์และเสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้นพร้อมกัน
ระงับความหวั่นกลัวในจิตใจลงไป เขาเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างชั่งใจ
‘611’
พร้อมกับสายตาที่สอดส่องออกไปนอกประตูเห็นใครบางคนยืนรออยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับซองแดงในมือที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง
เฉินเหว่ยถิงเลือกที่จะกดรับโทรศัพท์
“สวัสดีครับผู้กอง”
“เก็บของซะ
พวกมันรู้ตัวแล้ว นายอยู่ที่นั่นต่อไปไม่ได้แล้ว”
“แต่ว่า...”
“นายเป็นนักโทษติดคดี
ถ้านายไม่มีประโยชน์ต่อกรมตำรวจอีก ก็ไม่มีประโยชน์กับฉันเหมือนกัน”
“อี้ฝาน...”
เฉินเหว่ยถิงพึมพำเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเครือ
เขาเป็นแค่หมากตัวหนึ่งของกรมตำรวจเท่านั้นเองสินะ
ความหลังครั้งเก่าไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับอู๋อี้ฝานเลยแม้แต่นิดเดียว
“ถ้ายังอยากมีอิสรภาพ
ก็ทำตามที่ฉันบอกซะ” แล้วเสียงสัญญาณก็ถูกตัดไป เฉินเหว่ยถิงได้แต่ลดโทรศัพท์ลงสายตายังคงมองไปที่คนที่ยืนรออยู่หน้าประตู
แก้มใสและท่าทางเขินอายไม่มั่นใจทำให้เขายิ้มได้เพียงบางเบา
คนอย่างเขา
ไม่มีค่าพอให้ใครมาสานสัมพันธ์ด้วยจริง ๆ
หลังจากนี้ทุกอย่างที่นี่จะเหลือเพียงความทรงจำ
ลาก่อนครับ...คุณหนู
………..END………
จบแล้วค่ะ
สำหรับฟิควิ่งเปี้ยวโปรเจกต์เรื่องที่สอง ไปบ่นกันได้ที่ #ตรุษจีนของเฉินเหว่ยถิง นะคะ ^__^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น