วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[Special Fic] One Day Miracle of William Chan

[Special Fic] One Day Miracle of William Chan EP.02
#หนึ่งวันมหัศจรรย์ของเฉินเหว่ยถิง

ฟิคเรื่องนี้คือวิ่งเปรี้ยวโปรเจกต์นะคะ เป็นการแต่งฟิคคนละสามหน้าถ้วนต่อกันของสามคนแบบไม่บอกพล็อตล่วงหน้า แต่งต่อกันแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ 55555

วิธีอ่าน ให้อ่านเรียงลำดับตามนี้นะคะ
PART 1                   by            Essorhino
PART 2                   by            ConiCat_
PART 3                   by            springbacon_
PART 4                   by            Essorhino
PART 5                   by            ConiCat_
PART 6 (END)      by            springbacon_


PART 2
ติ๊ด ติ๊ด
เสียงเตือนข้อความโทรศัพท์มือถือของเฉินเหว่ยถิงดังขึ้น เจ้าของโทรศัพท์กดอ่านทันทีพลางยิ้มมุมปากเล็ก ๆ เมื่อพบว่าข้อความนั้นถูกส่งมาจากจิ่งป๋อหรันเพื่อนสนิทของเขานั่นเอง
คืนนี้ไปดื่มกันไหม ที่เดิม แก๊งเดิม มากันครบ
จิ่งป๋อหรันเล่นส่งข้อความมาแบบนี้ก็เท่ากับมัดมือชกเขาแล้วว่าต้องไป ถ้าขาดเขาไปคนหนึ่งแล้วไม่ครบแก๊งคงโดนบ่นจนหูชาแน่ ๆ
เออ เจอกัน
เฉินเหว่ยถิงส่งข้อความตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

“อา... อิ่มแล้ว” หลี่อี้เฟิงเช็ดปากและลูบพุงเบา ๆ “คิดเงินเลยไหม จะได้รู้ว่าใครจะชนะพนัน ฮ่าๆๆ”
“แหม หัวเราะเริงร่าเชียวนะ ผลจะออกมายังไงนายก็วินอยู่แล้วนี่หว่า” เฉินเหว่ยถิงแขวะเพื่อนหน้าหวานเข้าให้
หยางหยางกลั้นขำกับท่าทีลอยหน้าลอยตาของหลี่อี้เฟิงพลางโบกมือเรียกพนักงานมาเก็บเงิน
“ทั้งหมด 997 หยวนค่ะ” พนักงานนำบิลมาวางที่โต๊ะ
“งั้นผมขอใช้กิฟวอชเชอร์ที่จับฉลากได้เมื่อครู่นะครับ” เฉินเหว่ยถิงบอกพลางยิ้มโล่งอกที่ตัวเองไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
“อย่าเพิ่งดีใจไปพี่ถิง ลืมไปแล้วเหรอ ว่าพนันอะไรกับผมเอาไว้” หยางหยางยักคิ้ว
“อะไรนะ ฉันจำไม่ได้แล้ว”
“อย่ามาไก๋น่า หลังจากนี้พี่ต้องเลี้ยงหนังผมไงเล่า”
“นายนี่มันหัวใสจริง ๆ หยางหยาง” เฉินเหว่ยถิงพูดอย่างหมั่นเขี้ยวพลางเอื้อมมือไปเขกกะโหลกรุ่นน้องหัวใส “นี่แน่ะ เออ ๆ ไปดูหนังก็ไปดูหนัง ฉันยอม”
“พี่เฟิงไปด้วยกันไหมครับ” หยางหยางชวน ในใจอยากจะถล่มกระเป๋าสตางค์ของเฉินเหว่ยถิงใจแทบขาด
“ถ้ามีคนเลี้ยงก็ไปอะ นายจะเลี้ยงใช่ปะ” หลี่อี้เฟิงหันหน้าไปทางว่าที่เจ้ามือด้วยสีหน้ากึ่งมัดมือชก
“โอเค โอเคคคค วันนี้อยากทำอะไรก็ทำเลยครบ วันนี้กระผมเลี้ยงเองครับคุณหนูอี้เฟิง คุณชายหยางหยาง อยากไปไหนเชิญรับสั่งมาได้เลยครับ แต่ฉันมีเวลาถึงสองทุ่มนะ นัดเพื่อนเอาไว้”
“โอเคเลย!” หยางหยางร้องอย่างดีใจ

................................................................................................................................................

ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ออกมาฉลองเทศกาลแห่งความสุข แทบทุกจุดในตัวอาคารถูกประดับด้วยสายรุ้งสีแดงสลับเขียวและระฆังจิ๋วสีทองที่ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งคลอไปกับเพลงประจำเทศกาลคริสต์มาส
หยางหยาง หลี่อี้เฟิง และเฉินเหว่ยถิงกำลังต่อคิวซื้อตั๋วหนังที่แถวยาวคดเคี้ยวไปมา ถึงแม้หยางหยางจะเป็นคนชนะพนัน แต่คนที่เป็นเลือกเรื่องของภาพยนตร์กลับเป็นหลี่อี้เฟิงซึ่งไม่มีใครกล้าขัดเพราะตามใจกันมาแต่ไหนแต่ไร
หลี่อี้เฟิงเลือกดูหนังแอคชั่นโลกอนาคตตามสไตล์ที่ตัวเองชอบ ซึ่งเป็นหนังยอดฮิตและมีรอบฉายมากพอสมควร พวกเขาได้ตั๋วรอบบ่ายสามโมง เฉินเหว่ยถิงคำนวณเวลาแล้วว่าเขาน่าจะไปทันนัดของจิ่งป๋อหรันแน่นอน

เมื่อใกล้เวลาฉายภาพยนตร์พวกเขาก็ทยอยเดินเข้าโรงหนัง
“เดี๋ยวนะ เหมือนฉันจะทำกระเป๋าสตางค์หล่นหาย” เฉินเหว่ยถิงล้วงหากระเป๋าเงินของตัวเอง แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ พลางคิดว่าก่อนหน้านี้ตนไปไหนมาบ้าง
“เป็นไงพี่ เจอไหม” หยางหยางถามด้วยสีหน้ากังวล
“สงสัยจะทำหล่นในห้องน้ำ พวกนายเข้าไปกันก่อนเลย เดี๋ยวฉันตามเข้าไป”
“โอเค ๆ ถ้ามีอะไรก็วีแชทมานะ ฉันจะเปิดระบบสั่นเอาไว้” หลี่อี้เฟิงบอกพลางฉีกตั๋วส่วนของเฉินเหว่ยถิงส่งให้เจ้าตัว “รีบไปรีบมา”


เฉินเหว่ยถิงรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำที่เขาเพิ่งเข้าไปก่อนที่จะไปดูหนังเมื่อสักครู่ แต่เขาดันวิ่งไปชนพนักงานในชุดซานตาคลอสที่กำลังถือถาดแจกตัวอย่างเครื่องดื่มให้ลูกค้าอยู่ ถาดแล้วคว่ำใส่คนถือจนชุดเปื้อนไปหมด
“เฮ้ย อะไรเนี่ยลุง”
“เอ่อ ฉันขอโทษ นายป็นอะไรหรือเปล่า”
“มีอะไรกันน่ะ เชียนซี” ผู้หญิงสูงอายุในชุดซานตี้รีบเข้ามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ก็ลุงคนนี้น่ะสิครับ วิ่งมาชนผมจนน้ำผลไม้หกเลอะชุดไปหมดเลย”
“ผมขอโทษครับ” เฉินเหว่ยถิงก้มหัวขอโทษยอมรับผิดแต่โดยดี เป็นเพราะเขาไม่ระวังเองเลยเป็นแบบนี้
“ไม่เป็นไรหรอก ชุดมันก็เลอะไปแล้ว รีบไปเปลี่ยนเถอะ ดูสิ เหนียวตัวไปหมดแล้วนั่น” ผู้หญิงสูงอายุคนเดิมพูดไกล่เกลี่ยให้ “คุณลูกค้าคราวหลังก็เดินระวัง ๆ หน่อยก็แล้วกัน”
เฉินเหว่ยถิงกล่าวขอโทษอีกครั้งพลางขอตัวออกมาจากบริเวณนั้นและรีบฝ่าฝูงชนที่แน่นขนัดเพื่อลงไปยังห้องน้ำชั้นล่างที่เขาคิดว่าตนเองลืมกระเป๋าสตางค์เอาไว้

เมื่อเฉินเหว่ยถิงเดินเข้ามาในห้องน้ำก็ดันพบกับบุคคลที่ไม่ควรจะเจอ
“นายมาได้ยังไง”
“อ้าว ก็มาล้างน้ำเหนียว ๆ ที่ลุงทำหกใส่ผมไว้น่ะสิ” เชียนซีแหวใส่
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงว่าทำไมนายถึงมาถึงก่อนฉัน”
“ผมก็ใช้ทางหนีไฟเดินลงมาน่ะ คนเยอะอย่างกับหนอน ตัวก็เหนียวเหนอะหนะ ลุงคงไม่คิดว่าผมจะเอาสภาพแบบนี้ไปเดินเบียดกับคนข้างนอกนั่นหรอกนะ”
ห้องน้ำชั้นนี้ไม่ค่อยมีคนนัก เพราะเป็นชั้นที่ขายพวกเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน ในห้องน้ำตอนนี้จึงมีเพียงแค่เฉินเหว่ยถิงกับเจ้าตัวเล็กที่กำลังหัวเสียกับคราบน้ำผลไม้บนเสื้อตัวเองอยู่
เชียนซีพยายามใช้น้ำจากก็อกลูบเสื้อบริเวณที่เปื้อน แต่ผลที่ได้คงไม่ทำให้เจ้าตัวพอใจนัก
“โธ่เว้ย เหนียวสุด ๆ” เจ้าตัวเล็กบ่น เฉินเหว่ยถิงอยากจะช่วยเพื่อไถ่โทษความผิด แต่ไม่ทันได้คิดอะไรเชียนซีก็ถอดเสื้อของตัวเองออก
“เฮ้ย! นายทำอะไรน่ะ”
“ก็เสื้อเปื้อนขนาดนี้จะให้ผมใส่ต่อได้ยังไงล่ะ ลุงนั่นแหละ ยกเสื้อลุงให้ผมเลย ผมไม่มีเสื้อใส่แล้ว”
“จะบ้าเหรอ แล้วฉันจะใส่อะไรล่ะ”
“ก็เสื้อนี่ยังไงล่ะ” เชียนซีชูเสื้อของตัวเองให้ดู “ในเมื่อลุงทำมันเปื้อน ลุงก็เอามันไปใส่เลย นี่เสื้อฟรีไซส์ ผมใส่ยังหลวม ลุงใส่ได้อยู่แล้ว”
เฉินเหว่ยถิงลังเล แต่สายตาเจ้าเด็กเชียนซีดูเอาเรื่องไม่เบา เขาไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วยให้มากนักเลยยอมถอดเสื้อให้ เชียนซีรับไปแต่ยังไม่ทันได้ใส่ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันกำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำพอดี
เฉินเหว่ยถิงตกใจ เพราะทั้งเขาและเชียนซีต่างอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนกันทั้งคู่ ก่อนที่จะมีคนอื่นมาเห็นและเข้าใจผิดไปกันใหญ่ เฉินเหว่ยถิงก็ลากเชียนซีเข้ามาในห้องน้ำห้องที่ใกล้ที่สุดและปิดประตู...

แกร๊ก...
เสียงปิดประตูห้องน้ำห้องข้างดังแว่วมาในขณะที่เฉินเหว่ยถิงและเชียนซีแทบจะกลั้นหายใจรอให้ผู้มาใหม่รีบทำธุระให้เสร็จและเขาจะได้ออกไปสักที

“อืมมม อา...”
“อือออ”
“พอแล้วน่า อี้ฝาน เดี๋ยวใครก็มาได้ยินเข้าหรอก” เสียงหวานเอ่ยปราม
“ตื่นเต้นดีออก ถ้าไม่อยากให้ใครได้ยินก็กลั้นเสียงไว้สิ” เสียงทุ้มกระซิบแผ่ว แต่ก็ยังแว่วมาให้เฉินเหว่ยถิงและเชียนซีที่อยู่ห้องข้าง ๆ ได้ยิน
“อ๊ะ อ๊า...”
เสียงครางผะแผ่วยังหลุดมาให้ได้ยินเป็นระยะ แม้ว่าเจ้าของเสียจะพยายามสะกดกลั้นแค่ไหนก็ตาม เชียนซีเพิ่งสังเกตว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของคนที่ทำให้เขาต้องมาเปลี่ยนเสื้อ แถมที่สำคัญพวกเขายังไม่ได้ใส่เสื้อทั้งคู่อีกต่างหาก
“ลุง...”
“ชู่ว์” เฉินเหว่ยถิงส่งเสียงห้ามเบา ๆ เมื่อเจ้าตัวเล็กพยายามจะพูดอะไร
ทั้งคู่มองหน้ากัน เหมือนเฉินเหว่ยถิงเองก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตัวเองกอดร่างเล็กเอาไว้ในสภาพท่อนบนที่เปลือยเปล่า แล้วยังมีเสียงครางแปลก ๆ ดังแว่วมาจากห้องข้าง ๆ อีก เนื้อตัวที่สัมผัสกันของทั้งคู่เลยเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ไหลผ่านให้รู้สึกเคอะเขิน
แก้มขาวของเด็กน้อยขึ้นริ้วสีแดงอย่างปิดไม่มิด เชียนก้มหน้าหลบสายตาคนอายุมากกว่าด้วยความอาย แต่เมื่อก้มลงไปก้กลับพบว่าบางสิ่งบางอย่างของคนตรงหน้ากำลังตื่นตัวกว่าปกติ
เชียนซีรีบเงยหน้าขึ้นมามองคนที่กอดเขาไว้ด้วยความตกใจ
“อะ อะ ไอ้ลุงลามก!

PART 3                   by       springbacon_
PART 4                   by       Essorhino

PART 5
“อื้อออ อ๊า....”
เสียงครางอื้ออึงจากห้องน้ำข้าง ๆ ยังคงดังอยู่ เหมือนกับเดจาวูย้อนไปยังเหตุการณ์เมื่อช่วงบ่าย เฉินเหว่ยถิงคิดว่าคราวนี้เขาจำไม่ผิด แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอกันถึงสองครั้งสองคราแถมยังเป็นเหตุการณ์เดิมในวันเดียวกันแบบนี้
นิสัยไม่เปลี่ยนไปเลยนะ อี้ฝาน
เฉินเหว่ยถิงอมยิ้มกับความคิดของตัวเอง จากความหงุดหงิดในตอนแรกเปลี่ยนมาเป็นความสนุกเมื่อเขาคิดอะไรบางอย่างได้
ถ้าบังเอิญเจอกันถึงสองครั้งในวันเดียวขนาดนี้ คงไม่เรียกว่าบังเอิญแล้วล่ะมั้ง
มันต้องเรียกว่า พรหมลิขิตสิถึงจะถูก



ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก หนุ่มน้อยหน้าหวานตัวเล็กบางคนหนึ่งเดินออกมาเมื่อพบว่ามีคนยืนรออยู่หน้าห้องน้ำก็ตกใจรีบหันไปหาคนที่เดินตามหลังออกมา อี้ฝานสบตากับเหว่ยถิงก่อนพยักเพยิดให้คู่ขาคนล่าสุดของเขาออกไปก่อน
“เจอกันอีกแล้วนะอี้ฝาน” คนเป็นรุ่นพี่เป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบก่อน
“หึ โลกมันกลมจริง ๆ นะครับ”
“นายนี่ร้อนแรงไม่เคยเปลี่ยน” เหว่ยถิงที่ยืนพิงส่วนล้างมือกอดอกสบายอารมณ์ยิ้มน้อย ๆ อย่างมีเลศนัย
“พี่ต้องการอะไร”
“เปล่านี่ เพื่อน ๆ ข้างในเขารอนายกันอยู่ หรือว่าชินแล้วก็ไม่รู้นะ ว่านายคงมีธุระส่วนตัว...ติดพัน...ให้มาสายอยู่บ่อย ๆ”
อี้ฝานทำเพียงเคี้ยวลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนเดินออกไปจากห้องน้ำโดยไม่พูดอะไร เหว่ยถิงจึงเดินตามออกไปพร้อมกับแผนการในใจ


เมื่อกลับเข้าไปในร้านเฉินเหว่ยถิงก็บังเอิญเจออี้ชิงใกล้กับฟลอเต้นรำซึ่งกำลังอยู่ในสถานการณ์ลำบากพอดี
“อย่าเล่นตัวน่า สวย ๆ อย่างนี้อยู่เป็นโสดก็เสียดายแย่เลย”
“ใครสวยวะ อย่ามายุ่งน่า” มือเรียวของอี้ชิงผลักอกชายหนุ่มที่เข้าก้อร่อก้อติดกับตน
“เล่นตัวจังวะ อย่าเรื่องมากน่า” อีกฝ่ายดูไม่พอใจนักที่อี้ชิงแสดงท่าทีแข็งขืน
เหว่ยถิงกำลังลังเลว่าจะเข้าไปช่วยดีหรือไม่ก็มีคนมายืนข้าง ๆ เขาพอดี
“ลู่หาน...”
วันนี้ลู่หานดูแปลกตาไปกว่าทุกวัน จากปกติที่จะเป็นหนุ่มน้อยหน้าหวานตัวบางดูเรียบร้อย วันนี้คนหน้าหวานกรีดอายไลน์เนอร์สีเข้มชวนให้ดวงตาดูน่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก แถมยังใส่เสื้อแขนกุดโชว์มัดกล้ามพอดีตัวทำให้ลู่หานอย่ในลุคที่ต่างไปจากทุกวัน
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” ลู่หานเอ่ยก่อนเดินไปยังคู่กรณีที่กำลังมีปากเสียงกันอยู่
ชายหนุ่มแปลกหน้าใช้ความได้เปรียบทางด้านร่างกายล็อคอี้ชิงไว้กับมุมหนึ่งด้านหลังเคาน์เตอร์บาร์ แม้อี้ชิงจะพยายามขัดขืนแต่ก็สู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้
ลู่หานเดินดุ่ม ๆ ไปยังคนทั้งคู่ก่อนกระชากคอเสื้อของชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างแรงแล้วชกที่ใบหน้าของชายคนนั้นอย่างจังจนผู้ชายคนนั้นล้มลงไปกองกับพื้น
“ทีหลังอย่ามายุ่งกับแฟนกู” คำพูดดุดันขัดกับหน้าหวาน ๆ ทำให้เหว่ยถิงตกใจ
ลู่หานกับอี้ชิงเนี่ยนะ?!



เพราะความวุ่นวายภายในร้าน สุดท้ายพวกเขาก็เลยมาฉลองกันต่อที่คอนโดของจางฮั่น ไวน์โรมาเน่กองติปีวินเทจที่เป็นปีเกิดของเจ้าตัวถูกรินลงในแก้วทรงสูงช้า ๆ และนี่คือเวลาที่เฉินเหว่ยถิงรอคอย
อี้ฝานคออ่อนกับไวน์เสมอ...
เหว่ยถิงกับอี้ฝานเคยคบกันตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย มันเป็นความทรงจำที่เขาไม่เคยลืม แต่เป็นเพราะความไม่รู้จักพอของเขาเองที่ทำให้อี้ฝานจากเขาไป เขาอยากเริ่มมันใหม่อีกครั้ง



อี้ฝานและป๋อหรันไปนอนกันแล้ว ส่วนลู่หานและอี้ชิงขอตัวกลับก่อนคงเพราะเหนื่อยจากทั้งปาร์ตี้และฤทธิ์แอลกอฮอล์ เหลือเพียงเหว่ยถิง เทียนอวี่ และจางฮั่นที่เสร็จภารกิจจากไวน์ก็ยังดวลวิสกี้กันต่อไม่เลิก จนในที่สุดเทียนอวี่ก็หลับไปคาพื้นห้องนั่งเล่น
“ฉันไม่ไหวแล้วว่ะ ขอไปนอนและ” จางฮั่นที่เริ่มลืมตาไม่ขึ้นพูดงึมงำ
“แล้วจะเอายังไงกับไอ้เทียน ให้มันนอนตรงนี้เหรอ”
“ลากไปไว้ในห้องแล้วกัน”
เฉินเหว่ยถิงจำเป็นต้องช่วยจางฮั่นหิ้วปีกหม่าเทียนอวี่เข้าไปในห้องนอนหนึ่งในสองห้องของห้องชุด บนเตียงในห้องของจางฮั่นมีใครคนหนึ่งนอนอยู่แล้วซึ่งน่าจะเป็นจิ่งป๋อหรัน เพราะเจ้านี่มาค้างที่คอนโดของจางฮั่นบ่อย ๆ
เมื่อลากเทียนอวี่มาถึงเตียงได้จางฮั่นก็แทบจะล้มตัวลงนอนไปพร้อมกัน ถึงเตียงจะมีขนาดคิงไซส์แต่ให้ผู้ชายตัวโต ๆ สี่คนมาด้วยด้วยกันก็คงไม่ไหวเหว่ยถิงจึงแยกไปนอนอีกห้องหนึ่ง ซึ่งมีอีกคนนอนอยู่แล้วเช่นกัน



“จงทำสิ่งที่อยากทำ หลังจากวันนี้จะไม่มีใครจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นแม้แต่ตัวเจ้าเอง” เสียงหนึ่งดังขึ้นในมโนสำนึก คนข้างตัวเหว่ยถิงกำลังหลับสนิท เหว่ยถิงเองก็สติไม่ครบถ้วนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
แต่...ทำสิ่งที่อยากทำเหรอ?
เหว่ยถิงขยับเข้าไปใกล้คนที่นอนหันหลังให้เขาก่อนค่อย ๆ วาดมือไปโอบเอวของอีกคนอย่างแสนคิดถึง ร่างแกร่งขยับตัวเข้าแนบชิด เขากดจูบลงบนลาดไหล่ที่โหยหา คนในอ้อมกอดขยับตัวน้อย ๆ เพราะสัมผัสนั้น
มือใหญ่ค่อย ๆ สอดมือเข้าไปใต้เสื้อตัวบาง ลูปไล้แผ่นท้องที่ประดับด้วยกล้ามเนื้อสมส่วนจนอีกฝ่ายเริ่มขยับตัวหนีสัมผัส เหว่ยถิงจึงร่างอีกคนให้หันมา ก่อนกระซิบแผ่วเบา
“ฉันคิดถึงนาย”


อำนาจของความคิดถึงและโหยหาขับเร้าอารมณ์ปรารถนาให้แสดงตัวตนของมันออกมา เหว่ยถิงเล้าโลมอดีตคนรักอย่างช่ำชองและคุ้นเคยจนอีกฝ่ายตอบรับ สองร่างสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันจากอ่อนหวานเป็นร้อนแรงจนเครื่องปรับอากาศแทบจะหมดความหมาย
ในห้องนอนที่มืดสนิท เข็มยาวนาฬิกากำลังเดินมาซ้อนทับเข็มที่สั้นที่สุดตรงเลขสิบสองพร้อม ๆ กับที่เหว่ยถิงฝากความคิดถึงสุดหัวใจเข้าไปในกายของอดีตคนรัก
“อื๊ออ...”
เสียงของอี้ฝานแหบพร่ากว่าที่เคย
“อึก...”
เหว่ยถิงรู้สึกที่ความไม่คุ้นเคยบางอย่างแต่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ขับโหมให้เขามองข้ามมันไปและควบทะยานแรงอารมณ์สู่จุดสูงสุด



เข็มสั้นของนาฬิกาเลยเลขสิบไปแล้วเล็กน้อยตอนที่เหว่ยถิงตื่นขึ้น เพราะฤทธิ์น้ำเมาเมื่อวานทำให้ข้างในศีรษะกำลังร้องประท้วงอย่างหนัก ข้างเตียงมีเสื้อผ้าถูกถอดทิ้งกระจัดจาย
เหว่ยถิงอมยิ้มเล็ก ๆ เมื่อคิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น มันอาจจะไม่แฟร์นักแต่น่าจะป็นโอกาสที่ดีที่เขากับอี้ฝานจะได้คืนดีกัน เขาขยับตัวหันไปหาว่าที่คนรักเพื่อจะจูบอรุณสวัสดิ์ แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อคนที่อยู่ข้างกายเขาไม่ใช่อู๋อี้ฝาน
“เฮ้ย!
คนข้างตัวของเขาอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างกัน ทั้งยังมีรอยรักสีกุหลาบประปรายตามเนื้อตัวยืนยันชัดเจนว่าระหว่างพวกเขาเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้
“อืออ...” คนข้างส่งเสียงครางพลางตัวขยับตัวน้อย ๆ ให้เหว่ยถิงต้องสะดุ้งเพราะยังหาทางรับมือไม่ได้
“ทำยังไงดีวะเนี่ย!
ก็ใครจะไปคิดว่าคนที่เขานอนด้วยเมื่อคืนจะเป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมานานอย่างจิ่งป๋อหรันกัน!

PART 6 (END)      by            springbacon_