[Fic]
The Four 2 #จตุรเมีย
ตั้งแต่ยามสายจนบ่ายคล้อยของวันรุ่งหลังจากท่านเจ้าคุณถิงอินทร์กลับจากเมืองพิษณุโลก
ดวงตาอิดโรยยังคงเฝ้าจับจ้องเรือนไม้หลังเล็กซึ่งแต่เดิมมีหยากไย่ขึ้นเต็มไปหมดเพราะไม่ได้ถูกใช้งานแต่ตอนนี้ถูกทำความสะอาดจนเหมือนใหม่เอี่ยมอ่องกลายเป็นเรือนของเมียที่สี่จากแดนสองแควไปเสียแล้ว
กระทั่งดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยใกล้จะลาลับขอบฟ้าก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าท่านเจ้าคุณจะออกมาจากเรือนเล็กนั้นเสียที
ป๋อจันทร์เดินย่ำเท้าไปมาอยู่บนพื้นหญ้าหน้าเรือนด้วยจิตใจที่ไม่เป็นสุข
ว้าวุ่นประวิงคิดถึงแต่ผู้เป็นสามี
ทั้งที่สัญญากับตนไว้แล้วเชียว เหตุใดจึงกลับคำทำร้ายจิตใจกันได้ถึงเพียงนี้
ระหว่างเดินกลับไปกลับมา สายตาก็หวนมองแต่ประตูเรือนเล็กว่าเมื่อใดคนที่อยู่ด้านในจะออกมาเสียที
ป๋อจันทร์จึงสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างจนล้มลง
“ว้ายยยยย”
ตุบ!
ป๋อจันทร์หลับตาปี๋ เพราะไม่ทันตั้งตัว
ป๋อจันทร์จึงคิดว่าตนคงล้มหน้าคว่ำกระแทกพื้นเป็นแน่แล้ว แต่สัมผัสที่กระทบพื้นกลับไม่ทำให้รู้สึกเจ็บอย่างที่คิด
ดวงตาเรียวค่อย ๆ กระพริบลืมขึ้นก็พบว่า สิ่งที่ตัวเองล้มหน้าคว่ำลงมาทับไม่ใช่พื้นแข็งๆอย่างที่คิด
“อ๊ะ...”
“ขะ ขอโทษครับ คุณนาย เจ็บมากไหมขอรับ”
“อะ เอ่อ... พ่อฮั่นศักดิ์นั่นเอง” ป๋อจันทร์ค่อย
ๆ ลุกขึ้นอย่างอ้อยอิ่ง “คุณนงคุณนายอะไรกันจ๊ะ
ฉันน่ะก็เป็นบ่าวในเรือนท่านเจ้าคุณเหมือนกัน เรียกป๋อจันทร์เฉย ๆ ก็ได้”
“ไม่ได้ดอกขอรับ คุณนายเป็นถึงเมียท่านเจ้าคุณ
ให้กระผมเรียกแต่ชื่อได้อย่างไรขอรับ”
ป๋อจันทร์สีหน้าสลดลงนิดหนึ่ง ชำเลืองมองไปยังเรือนเล็กที่ยังไร้วี่แววของคนที่ตนรอคอยแล้วถอนหายใจเบาก่อนยิ้มอย่างฝืดฝืนเต็มทน
“ท่านเจ้าคุณจะยังนับฉันเป็นเมียอยู่หรือไม่ฉันเองก็ไม่กล้าแน่ใจเลย
พ่อฮั่นศักดิ์” ป๋อจันทร์พูดเสียงอ่อน จากที่เคยถือยศถืออย่างว่าตนได้เลื่อนบรรดาศักดิ์จากบ่าวในเรือนมาเป็นเมียท่านเจ้าคุณ
คิดว่าตนนั้นสูงกว่าคนอื่น แต่วันนี้ป๋อจันทร์เริ่มตระหนักแล้วว่า
ตนก็เป็นเพียงหลักฐานแห่งความใคร่และความไม่เคยพอของท่านเจ้าคุณกระนั้นเอง
ระหว่างที่กำลังจ่อมจมกับความโศกเศร้าภายในจิตใจมือหยาบกร้านก็รู้สึกถึงแรงบีบกระชับ
ป๋อจันทร์หลุดจากภวังค์ความเศร้าทั้งปวง มองมือของตนที่ถูกกอบกุมไว้ เหลือบมองดวงหน้าคมคายผิดกับบ่าวไพร่เรือนอื่น
ราวกับตัวตนของคนสวนท้ายเรือนนั้นกระจ่างชัดเต็มตาในนาทีนั้น
“โธ่ อย่าทำหน้าตาโศกเศร้าเช่นนั้นสิขอรับ
หน้าสวย ๆ ของคุณนายจะหมดสวยเสียเปล่า ๆ ” ป๋อจันทร์เม้มปากเขินอายกับคำพูดนั้น
มองแผ่นอกกำยำเปล่าเปลือยของนายคนสวนตรงหน้าก็ยิ่งชักนำให้หัวใจเต้นแรง
“พ่อฮั่นศักดิ์ว่าฉันสวยหรือ”
“สวยสิขอรับ สวยมาก” สายตาหวานเยิ้มที่สบตอบมาราวกับน้ำใสที่รินรดหัวใจที่แห้งแล้ง
ใครต่อใครต่างก็พากันว่าร้ายป๋อจันทร์ว่าท่านเจ้าคุณคงพลาดพลั้งสติเลอะเลือนไม่ได้ตั้งใจจะได้ตนมาเป็นเมีย
กี่ครั้งกี่คราที่ผิดคำสัญญาละเลยตนราวกับไม่เคยแบ่งแม้เศษเสี้ยวหัวใจมอบให้
หากหมดซึ่งรักแล้ว จะผิดหรือไม่หากตนเลือกจะไขว่คว้ามือที่พร้อมจะโอบอุ้มหัวใจของตน
ท่านเจ้าคุณเดินไปมาในห้องนอนบนเรือนเล็กอย่างกระสับกระส่าย
ตั้งแต่พาหยวนรตีกลับมาจากพิษณุโลก เจ้าของดวงหน้าจิ้มลิ้มก็ยังมิเคยยอมให้ตนได้เชยชมความงามได้สมใจ
ตั้งแต่คืนก่อน
แน่งน้อยหยวนรตีก็อ้างว่าคิดถึงบ้านขอไปอยู่กับพี่เลี้ยงสักคืนหนึ่ง
ท่านเจ้าคุณก็ตามใจด้วยสงสารว่าต้องห่างบ้านห่างเมืองมาไกล
จวบจนรุ่งเช้าท่านเจ้าคุณก็ตื่นมาเฝ้ารอดวงใจดวงใหม่ตั้งแต่ไก่โห่
จนใกล้จะพลบค่ำแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าภรรยาคนล่าสุดของตนจะเข้ามาปรนนิบัติรับใช้เสียที
กึก! กึก! กึก!
เสียงเคาะมือหนักกระทบลงบนแผ่นประตูไม้อย่างหมดความอดทน
ในที่สุดท่านเจ้าคุณก็ตัดสินใจมาตามเมียตนถึงห้องของบ่าวในเรือนเล็ก
ท่านเจ้าคุณถิงอินทร์ถอนหายใจหนักระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเฝ้ารอการตอบสนองจากคนด้านใน
จนกระทั่งประตูบานไม้ค่อย ๆ เปิดแง้มออก
“มีอันใดหรือเจ้าคะ ท่านเจ้าคุณ” เสียงหวานของ “ส้มชิง”
บ่าวพี่เลี้ยงที่ติดตามหยวนรตีมาจากพิษณุโลกเอ่ยถามอย่างนอบน้อม
“หยวนรตีเล่า เหตุใดจึงไม่ไปรับใช้ข้าที่ห้อง
ปล่อยให้ข้ารอเป็นวันเยี่ยงนี้ ไม่กลัวหลังลายกันหรืออย่างไร”
ท่านเจ้าคุณซึ่งกำลังบันดาลโทสะขึ้นเสียงดุดันเสียจนส้มชิงต้องก้มหน้าตัวสั่นด้วยกลัวโทษทัณฑ์จะมาถึงตัว
“เจ้าคุณพี่...”
เสียงเล็กใสดังออกจากด้านในห้องก่อนเจ้าของเสียงจะมาปรากฏตัวด้านหลังบ่าวของตน “อย่าดุพี่ส้มชิงเลยเจ้าค่ะ
น้องผิดเองที่ไม่ได้ไปหาเจ้าคุณพี่เลยทั้งวัน”
“แล้วมัวแต่ทำอันใดอยู่เล่า
รู้หรือไม่ว่าข้าไม่ชอบการรอคอย” ท่านเจ้าคุณพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเมื่อได้เห็นใบหน้าพริ้มเพราที่ตนถวิลหา
“น้องรู้สึกไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่เจ้าค่ะ
คงจะเพลียจากการเดินทางไกล”
“ชะ ใช่แล้วเจ้าค่ะ
คุณหนูหยวนรตีเธอไม่เคยต้องเดินทางไกล ๆ ทั้งยังร่างกายไม่ค่อยแข็งก็เลยจับไข้ไม่สบายน่ะเจ้าค่ะ”
ส้มชิงรีบกล่าวเสริมนายของตนถึงเหตุที่ทำให้ท่านเจ้าคุณไม่พอใจ
“โธ่ น้องหยวนรตี ไม่สบายทำไมไม่บอกข้ากัน” ท่านเจ้าคุณก้าวเดินผ่านบ่าวรับใช้เข้าประชิดหยวนรตีในทันทีที่รู้ว่าเมียของตนเจ็บไข้ได้ป่วย
มือใหญ่จับบ่าเล็กพลิกสำรวจรอบตัวหาความผิดปกติ
“นี่ร่างกายเจ้าผ่ายผอมลงหรือไม่ เจ้าคงทั้งเหนื่อยทั้งคิดถึงบ้านสินะ”
ทั้งน้ำเสียงและอาการโกรธขึ้งในยามแรกของท่านเจ้าคุณนั้นปลิดปลิวหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน
“น้องไม่เป็นอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ แค่พักผ่อนอีกสักหน่อยก็คงหาย
เจ้าคุณพี่อย่าได้ห่วงไปเลย”
ท่านเจ้าคุณโอบประคองร่างเล็กอย่างห่วงใยรักใคร่หนักหนา
แต่ก็รำคาญใจบ่าวคนใช้ที่นั่งอยู่เป็นก้างขวางคอเสียเหลือเกิน
“เจ้าไปนอนพักผ่อนให้สบายตัวในห้องข้าไม่ดีกว่าหรือ
จะมัวมาอุดอู้อยู่ที่ห้องบ่าวไพร่ด้วยเหตุใดกัน”
ท่านเจ้าคุณว่าแล้วก็จับจูงหยวนรตีให้ตามตนออกไปจากห้องของส้มชิง
หยวนรตีเลิ่กลั่กที่ถูกมัดมือชกรีบยื้อตนไว้โดยพลัน
“ยะ อย่าดีกว่าเจ้าค่ะเจ้าคุณพี่ น้องยังไม่คุ้นกับเรือนใหม่
ขออยู่กับพี่ส้มชิงสักระยะก่อนนะเจ้าคะ...นะเจ้าคุณพี่”
หยวนรตีเอ่ยออดอ้อนเสียงหวาน ท่านเจ้าคุณแม้จะขัดใจแต่ก็อดตามใจไม่ได้
ด้วยกำลังรักกำลังหลง มีเหตุสิ่งใดท่านก็ตามใจได้ทั้งสิ้น
ท่านเจ้าคุณถิงอินทร์ถอนหายใจก่อนกล่าวเสียงเรียบ
“ถ้าเจ้าว่าเช่นนั้น ก็ตามใจเจ้าเถิด
ข้าจะไม่รบกวน หากเจ้าหายดีเมื่อใดก็ให้ไปตามข้าที่เรือนใหญ่ก็แล้วกัน”
“เจ้าคุณพี่เมตตาน้องเหลือเกิน
ไม่รู้ชาตินี้จะทดแทนคุณหมดได้อย่างไร”
“อย่าคิดให้มากไปเลย พักผ่อนให้เต็มที่เถิด
ได้เวลาที่ข้าต้องกลับเรือนใหญ่เสียทีแล้ว”
ท่านเจ้าคุณโอบกอดร่างเล็กประทับจูบบนหน้าผากนวลแผ่วเบาก่อนสั่งเสียส้มชิงให้ดูแลหยวนรตีเป็นอย่างดี
กว่าท่านเจ้าคุณจากออกมาจากเรือนเล็กฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
ร่างสูงภูมิฐานก้าวฉับกลับเรือนใหญ่ผ่านสวนหน้าเรือนไปโดยไม่รู้เลยว่าตลอดทั้งวันตั้งแต่ฟ้าสางจนยามค่ำนั้นมีอีกหนึ่งเมียของตนเฝ้ารอคอยด้วยหัวใจที่อ่อนล้าและบอบช้ำสักเพียงใด
ดวงหน้าสะสวยหมดจดของคุณนายรองแห่งเรือนท่านเจ้าคุณชะเง้อมองผู้เป็นสามีอย่างหงอยเหงา
ทนเฝ้าคิดถึงอยากจะพบหน้ามาร่วมเดือน พอพบกันก็มีเรื่องให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ เป็นผัวเมียอยู่กินกันมาก็หลายปี
ความเจ้าชู้ของท่านเจ้าคุณนั้นก็รู้อยู่แก่ใจ ถึงอย่างไรความรักก็ตัดไม่ขาด
เย็นย่ำค่ำคงอากาศก็เริ่มเย็นเพราะเข้าฤดูหนาวแล้ว
กลิ่นของดอกต้นตีนเป็ดก็ลอยตลบอบอวลไปทั้งเรือน
ยิ่งได้กลิ่นหยางมณีก็พาลหงุดหงิดโมโหถึงผู้เป็นนายเรือน
ไม่รู้คุณพี่สร้อยเฟิงเธอคิดอย่างไรถึงได้เอาต้นไม้บ้านี่เข้ามาปลูกอยู่ใกล้เรือน
ไหนจะกลิ่นที่ฉุนเสียเหลือเกิน
ไหนจะยางไม้ที่เผลอไปโดนเข้าเมื่อไหร่ก็แสบร้อนไปหมด
ไม่รู้ว่าพี่ป๋อจันทร์ไปอยู่เสียที่ไหน
หายตัวไปตั้งแต่เช้าจนค่ำมืดป่านนี้แล้วก็ยังไม่เห็น
“มันจะบังเอิญเกินไปกระมังเจ้าคะคุณท้าว”
เมื่อเดินผ่านเข้าไปใกล้ประตูห้องของคุณหญิงสร้อยเฟิง
หยางมณีก็ได้ยินเสียงเจ้าของห้องแว่วออกมา
คุยกับใครกัน
ยังไม่ทันที่หยางมณีจะได้ตั้งใจเงี่ยหูฟังให้ชัด
ๆ ท่านเจ้าคุณถิงอินทร์ก็เดินขึ้นเรือนมาพอดี
“คุณพี่...”
“อ่อ น้องหยางมณี ยังไม่เข้าห้องอีกรึ
ค่ำมืดป่านนี้แล้ว”
“น้องรอคุณพี่น่ะเจ้าค่ะ”
ท่านเจ้าคุณเหลือบมองไปทางห้องคุณหญิงสร้อยเฟิง
ใจหนึ่งหยางมณีก็อยากให้ท่านเจ้าคุณใช้เวลาอยู่กับตน
แต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าใครกันที่คุยกับคุณหญิงสร้อยเฟิงอยู่ในห้องนั้น
“คุณพี่ไปหาคุณหญิงเถิดเจ้าค่ะ เธอไม่ค่อยสบาย คงอยากให้คุณพี่คอยดูแล”
ในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะ
“หืม คุณหญิงไม่สบายดอกหรือ” ความรู้สึกผิดแล่นริ้ววาบเข้ามาในอกท่านเจ้าคุณถิงอินทร์ในทันที
ตั้งแต่กลับมาจากสองแควก็ยังไม่ได้ไปหาคุณหญิงสร้อยเฟิงเลย
เพราะมัวแต่หลงใหลความสดใสของผู้หญิงคนใหม่
ปล่อยให้คนที่เป็นคู่ชีวิตกันมากว่าสิบปีต้องมาไม่สบายไร้คนคอยดูแลเช่นนี้
“เจ้าค่ะ คุณพี่รีบไปดูอาการคุณหญิงเถิด”
ท่านเจ้าคุณลูบไล่มนแผ่วเบาก่อนประทับจูบนุ่มนวลลงบนแก้มนิ่ม
“วันพรุ่งข้าจะมาหาเจ้า”
เอ่ยแล้วร่างแกร่งก็เดินจากไปยังห้องของผู้เป็นนายเรือน หยางมณียิ้มกริ่มเดินกลับเข้าห้องเฝ้ารอผลของแผนการตนในวันรุ่งขึ้นด้วยความพอใจ
ทันทีที่เปิดประตูห้องนอนกลิ่นดอกตีนเป็ดก็ลอยตีเข้าจมูกจนฉุนไปหมด
ท่านเจ้าคุณถึงกับไอออกมาเพราะสำลักกลิ่นหอมนั้น
“ทำไมกลิ่นมันถึงได้ฉุนอย่างนี้
ทนอยู่ได้อย่างไรกันคุณหญิง” ท่านเจ้าคุณเอ่ยขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว
คุณหญิงสร้อยเฟิงที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างหันกลับมาอย่างแช่มช้า
“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ คุณพี่
ปล่อยให้น้องรอมานานเสียเหลือเกิน” ท่านเจ้าคุณขมวดคิ้วมุ่นด้วยแปลกใจเพราะโดยปกติแล้วคุณหญิงจะไม่กล่าวเรียกร้องให้ตนมาหาหรือพูดสิ่งใดที่บ่งบอกว่ารอคอยตนอยู่เลย
คนไม่สบาย คงจะเหงามากสินะ ท่านเจ้าคุณคิดในใจอย่างเอ็นดู
ร่างสูงเดินเข้าไปปลอบประโลมสตรีผู้เป็นดั่งดวงใจ
ร่างอวบอัดสวมกอดผู้เป็นสามีกระชับแน่นด้วยความห่วงหา
พลันที่สายตาของท่านเจ้าคุณถิงอินทร์เบือนไปสบกับรูปวาดบานเก่าบนผนังห้องความรู้สึกบางอย่างก็แล่นวาบเข้ามาในอก
บนรูปนั้นคือ “คุณท้าวเทียนดารา”
เจ้าคุณทวดต้นตระกูลของคุณหญิงสร้อยเฟิงตั้งแต่สมัยอยุธยายังเป็นพระนครหลวง
ทั้งที่รูปวาดสีซีดจางเต็มทน แต่หลายครั้งที่เผลอสบมองก็มีความรู้สึกคุ้นเคยกับคนในรูปอย่างน่าประหลาด
จมูกโด่งเป็นสันโน้มลงจรดกลีบแก้มนุ่ม วันนี้กลิ่นกายของคุณหญิงหอมกำจายยิ่งกว่าทุกวัน
คงเป็นเพราะคุณหญิงอาบลมอยู่ใกล้หน้าต่างใต้ต้นพญาสัตบรรณอยู่กระนั้นเอง
....โปรดติดตามตอนต่อไป....
Starring:
เฉินเหว่ยถิง รับบทเป็น ท่านเจ้าคุณถิงอินทร์
หลี่อี้เฟิง รับบทเป็น
คุณหญิงสร้อยเฟิง
หยางหยาง รับบทเป็น คุณนายหยางมณี
จิ่งป๋อหรัน รับบทเป็น ป๋อจันทร์
หวังหยวน รับบทเป็น หยวนรตี
จางฮั่น รับบทเป็น ฮั่นศักดิ์
หม่าเทียนอวี่ รับบทเป็น คุณท้าวเทียนดารา
จางอี้ชิง รับบทเป็น ส้มชิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น