วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

The Four 2 #จตุรเมีย

[Fic] The Four 2 #จตุรเมีย



           
ตั้งแต่ยามสายจนบ่ายคล้อยของวันรุ่งหลังจากท่านเจ้าคุณถิงอินทร์กลับจากเมืองพิษณุโลก ดวงตาอิดโรยยังคงเฝ้าจับจ้องเรือนไม้หลังเล็กซึ่งแต่เดิมมีหยากไย่ขึ้นเต็มไปหมดเพราะไม่ได้ถูกใช้งานแต่ตอนนี้ถูกทำความสะอาดจนเหมือนใหม่เอี่ยมอ่องกลายเป็นเรือนของเมียที่สี่จากแดนสองแควไปเสียแล้ว กระทั่งดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยใกล้จะลาลับขอบฟ้าก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าท่านเจ้าคุณจะออกมาจากเรือนเล็กนั้นเสียที



ป๋อจันทร์เดินย่ำเท้าไปมาอยู่บนพื้นหญ้าหน้าเรือนด้วยจิตใจที่ไม่เป็นสุข ว้าวุ่นประวิงคิดถึงแต่ผู้เป็นสามี ทั้งที่สัญญากับตนไว้แล้วเชียว เหตุใดจึงกลับคำทำร้ายจิตใจกันได้ถึงเพียงนี้



ระหว่างเดินกลับไปกลับมา สายตาก็หวนมองแต่ประตูเรือนเล็กว่าเมื่อใดคนที่อยู่ด้านในจะออกมาเสียที ป๋อจันทร์จึงสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างจนล้มลง



“ว้ายยยยย”



ตุบ!



ป๋อจันทร์หลับตาปี๋ เพราะไม่ทันตั้งตัว ป๋อจันทร์จึงคิดว่าตนคงล้มหน้าคว่ำกระแทกพื้นเป็นแน่แล้ว แต่สัมผัสที่กระทบพื้นกลับไม่ทำให้รู้สึกเจ็บอย่างที่คิด



ดวงตาเรียวค่อย ๆ กระพริบลืมขึ้นก็พบว่า สิ่งที่ตัวเองล้มหน้าคว่ำลงมาทับไม่ใช่พื้นแข็งๆอย่างที่คิด



“อ๊ะ...”



“ขะ ขอโทษครับ คุณนาย เจ็บมากไหมขอรับ”



“อะ เอ่อ... พ่อฮั่นศักดิ์นั่นเอง” ป๋อจันทร์ค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างอ้อยอิ่ง “คุณนงคุณนายอะไรกันจ๊ะ ฉันน่ะก็เป็นบ่าวในเรือนท่านเจ้าคุณเหมือนกัน เรียกป๋อจันทร์เฉย ๆ ก็ได้”



“ไม่ได้ดอกขอรับ คุณนายเป็นถึงเมียท่านเจ้าคุณ ให้กระผมเรียกแต่ชื่อได้อย่างไรขอรับ”



ป๋อจันทร์สีหน้าสลดลงนิดหนึ่ง ชำเลืองมองไปยังเรือนเล็กที่ยังไร้วี่แววของคนที่ตนรอคอยแล้วถอนหายใจเบาก่อนยิ้มอย่างฝืดฝืนเต็มทน



“ท่านเจ้าคุณจะยังนับฉันเป็นเมียอยู่หรือไม่ฉันเองก็ไม่กล้าแน่ใจเลย พ่อฮั่นศักดิ์” ป๋อจันทร์พูดเสียงอ่อน จากที่เคยถือยศถืออย่างว่าตนได้เลื่อนบรรดาศักดิ์จากบ่าวในเรือนมาเป็นเมียท่านเจ้าคุณ คิดว่าตนนั้นสูงกว่าคนอื่น แต่วันนี้ป๋อจันทร์เริ่มตระหนักแล้วว่า ตนก็เป็นเพียงหลักฐานแห่งความใคร่และความไม่เคยพอของท่านเจ้าคุณกระนั้นเอง



ระหว่างที่กำลังจ่อมจมกับความโศกเศร้าภายในจิตใจมือหยาบกร้านก็รู้สึกถึงแรงบีบกระชับ ป๋อจันทร์หลุดจากภวังค์ความเศร้าทั้งปวง มองมือของตนที่ถูกกอบกุมไว้ เหลือบมองดวงหน้าคมคายผิดกับบ่าวไพร่เรือนอื่น ราวกับตัวตนของคนสวนท้ายเรือนนั้นกระจ่างชัดเต็มตาในนาทีนั้น



“โธ่ อย่าทำหน้าตาโศกเศร้าเช่นนั้นสิขอรับ หน้าสวย ๆ ของคุณนายจะหมดสวยเสียเปล่า ๆ ” ป๋อจันทร์เม้มปากเขินอายกับคำพูดนั้น มองแผ่นอกกำยำเปล่าเปลือยของนายคนสวนตรงหน้าก็ยิ่งชักนำให้หัวใจเต้นแรง



“พ่อฮั่นศักดิ์ว่าฉันสวยหรือ”



“สวยสิขอรับ สวยมาก” สายตาหวานเยิ้มที่สบตอบมาราวกับน้ำใสที่รินรดหัวใจที่แห้งแล้ง ใครต่อใครต่างก็พากันว่าร้ายป๋อจันทร์ว่าท่านเจ้าคุณคงพลาดพลั้งสติเลอะเลือนไม่ได้ตั้งใจจะได้ตนมาเป็นเมีย กี่ครั้งกี่คราที่ผิดคำสัญญาละเลยตนราวกับไม่เคยแบ่งแม้เศษเสี้ยวหัวใจมอบให้



หากหมดซึ่งรักแล้ว จะผิดหรือไม่หากตนเลือกจะไขว่คว้ามือที่พร้อมจะโอบอุ้มหัวใจของตน

















ท่านเจ้าคุณเดินไปมาในห้องนอนบนเรือนเล็กอย่างกระสับกระส่าย ตั้งแต่พาหยวนรตีกลับมาจากพิษณุโลก เจ้าของดวงหน้าจิ้มลิ้มก็ยังมิเคยยอมให้ตนได้เชยชมความงามได้สมใจ



ตั้งแต่คืนก่อน แน่งน้อยหยวนรตีก็อ้างว่าคิดถึงบ้านขอไปอยู่กับพี่เลี้ยงสักคืนหนึ่ง ท่านเจ้าคุณก็ตามใจด้วยสงสารว่าต้องห่างบ้านห่างเมืองมาไกล จวบจนรุ่งเช้าท่านเจ้าคุณก็ตื่นมาเฝ้ารอดวงใจดวงใหม่ตั้งแต่ไก่โห่ จนใกล้จะพลบค่ำแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าภรรยาคนล่าสุดของตนจะเข้ามาปรนนิบัติรับใช้เสียที





กึก! กึก! กึก!



เสียงเคาะมือหนักกระทบลงบนแผ่นประตูไม้อย่างหมดความอดทน ในที่สุดท่านเจ้าคุณก็ตัดสินใจมาตามเมียตนถึงห้องของบ่าวในเรือนเล็ก



ท่านเจ้าคุณถิงอินทร์ถอนหายใจหนักระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเฝ้ารอการตอบสนองจากคนด้านใน จนกระทั่งประตูบานไม้ค่อย ๆ เปิดแง้มออก



“มีอันใดหรือเจ้าคะ ท่านเจ้าคุณ” เสียงหวานของ “ส้มชิง” บ่าวพี่เลี้ยงที่ติดตามหยวนรตีมาจากพิษณุโลกเอ่ยถามอย่างนอบน้อม



“หยวนรตีเล่า เหตุใดจึงไม่ไปรับใช้ข้าที่ห้อง ปล่อยให้ข้ารอเป็นวันเยี่ยงนี้ ไม่กลัวหลังลายกันหรืออย่างไร” ท่านเจ้าคุณซึ่งกำลังบันดาลโทสะขึ้นเสียงดุดันเสียจนส้มชิงต้องก้มหน้าตัวสั่นด้วยกลัวโทษทัณฑ์จะมาถึงตัว



“เจ้าคุณพี่...” เสียงเล็กใสดังออกจากด้านในห้องก่อนเจ้าของเสียงจะมาปรากฏตัวด้านหลังบ่าวของตน “อย่าดุพี่ส้มชิงเลยเจ้าค่ะ น้องผิดเองที่ไม่ได้ไปหาเจ้าคุณพี่เลยทั้งวัน”



“แล้วมัวแต่ทำอันใดอยู่เล่า รู้หรือไม่ว่าข้าไม่ชอบการรอคอย” ท่านเจ้าคุณพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเมื่อได้เห็นใบหน้าพริ้มเพราที่ตนถวิลหา



“น้องรู้สึกไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่เจ้าค่ะ คงจะเพลียจากการเดินทางไกล”



“ชะ ใช่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูหยวนรตีเธอไม่เคยต้องเดินทางไกล ๆ ทั้งยังร่างกายไม่ค่อยแข็งก็เลยจับไข้ไม่สบายน่ะเจ้าค่ะ” ส้มชิงรีบกล่าวเสริมนายของตนถึงเหตุที่ทำให้ท่านเจ้าคุณไม่พอใจ



“โธ่ น้องหยวนรตี ไม่สบายทำไมไม่บอกข้ากัน” ท่านเจ้าคุณก้าวเดินผ่านบ่าวรับใช้เข้าประชิดหยวนรตีในทันทีที่รู้ว่าเมียของตนเจ็บไข้ได้ป่วย



มือใหญ่จับบ่าเล็กพลิกสำรวจรอบตัวหาความผิดปกติ



“นี่ร่างกายเจ้าผ่ายผอมลงหรือไม่ เจ้าคงทั้งเหนื่อยทั้งคิดถึงบ้านสินะ” ทั้งน้ำเสียงและอาการโกรธขึ้งในยามแรกของท่านเจ้าคุณนั้นปลิดปลิวหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน



“น้องไม่เป็นอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ แค่พักผ่อนอีกสักหน่อยก็คงหาย เจ้าคุณพี่อย่าได้ห่วงไปเลย”



ท่านเจ้าคุณโอบประคองร่างเล็กอย่างห่วงใยรักใคร่หนักหนา แต่ก็รำคาญใจบ่าวคนใช้ที่นั่งอยู่เป็นก้างขวางคอเสียเหลือเกิน



“เจ้าไปนอนพักผ่อนให้สบายตัวในห้องข้าไม่ดีกว่าหรือ จะมัวมาอุดอู้อยู่ที่ห้องบ่าวไพร่ด้วยเหตุใดกัน” ท่านเจ้าคุณว่าแล้วก็จับจูงหยวนรตีให้ตามตนออกไปจากห้องของส้มชิง



หยวนรตีเลิ่กลั่กที่ถูกมัดมือชกรีบยื้อตนไว้โดยพลัน



“ยะ อย่าดีกว่าเจ้าค่ะเจ้าคุณพี่ น้องยังไม่คุ้นกับเรือนใหม่ ขออยู่กับพี่ส้มชิงสักระยะก่อนนะเจ้าคะ...นะเจ้าคุณพี่” หยวนรตีเอ่ยออดอ้อนเสียงหวาน ท่านเจ้าคุณแม้จะขัดใจแต่ก็อดตามใจไม่ได้ ด้วยกำลังรักกำลังหลง มีเหตุสิ่งใดท่านก็ตามใจได้ทั้งสิ้น



ท่านเจ้าคุณถิงอินทร์ถอนหายใจก่อนกล่าวเสียงเรียบ



“ถ้าเจ้าว่าเช่นนั้น ก็ตามใจเจ้าเถิด ข้าจะไม่รบกวน หากเจ้าหายดีเมื่อใดก็ให้ไปตามข้าที่เรือนใหญ่ก็แล้วกัน”



“เจ้าคุณพี่เมตตาน้องเหลือเกิน ไม่รู้ชาตินี้จะทดแทนคุณหมดได้อย่างไร”



“อย่าคิดให้มากไปเลย พักผ่อนให้เต็มที่เถิด ได้เวลาที่ข้าต้องกลับเรือนใหญ่เสียทีแล้ว” ท่านเจ้าคุณโอบกอดร่างเล็กประทับจูบบนหน้าผากนวลแผ่วเบาก่อนสั่งเสียส้มชิงให้ดูแลหยวนรตีเป็นอย่างดี




กว่าท่านเจ้าคุณจากออกมาจากเรือนเล็กฟ้าก็มืดสนิทแล้ว ร่างสูงภูมิฐานก้าวฉับกลับเรือนใหญ่ผ่านสวนหน้าเรือนไปโดยไม่รู้เลยว่าตลอดทั้งวันตั้งแต่ฟ้าสางจนยามค่ำนั้นมีอีกหนึ่งเมียของตนเฝ้ารอคอยด้วยหัวใจที่อ่อนล้าและบอบช้ำสักเพียงใด



ดวงหน้าสะสวยหมดจดของคุณนายรองแห่งเรือนท่านเจ้าคุณชะเง้อมองผู้เป็นสามีอย่างหงอยเหงา ทนเฝ้าคิดถึงอยากจะพบหน้ามาร่วมเดือน พอพบกันก็มีเรื่องให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ เป็นผัวเมียอยู่กินกันมาก็หลายปี ความเจ้าชู้ของท่านเจ้าคุณนั้นก็รู้อยู่แก่ใจ ถึงอย่างไรความรักก็ตัดไม่ขาด



เย็นย่ำค่ำคงอากาศก็เริ่มเย็นเพราะเข้าฤดูหนาวแล้ว กลิ่นของดอกต้นตีนเป็ดก็ลอยตลบอบอวลไปทั้งเรือน ยิ่งได้กลิ่นหยางมณีก็พาลหงุดหงิดโมโหถึงผู้เป็นนายเรือน



ไม่รู้คุณพี่สร้อยเฟิงเธอคิดอย่างไรถึงได้เอาต้นไม้บ้านี่เข้ามาปลูกอยู่ใกล้เรือน ไหนจะกลิ่นที่ฉุนเสียเหลือเกิน ไหนจะยางไม้ที่เผลอไปโดนเข้าเมื่อไหร่ก็แสบร้อนไปหมด



ไม่รู้ว่าพี่ป๋อจันทร์ไปอยู่เสียที่ไหน หายตัวไปตั้งแต่เช้าจนค่ำมืดป่านนี้แล้วก็ยังไม่เห็น




“มันจะบังเอิญเกินไปกระมังเจ้าคะคุณท้าว”



เมื่อเดินผ่านเข้าไปใกล้ประตูห้องของคุณหญิงสร้อยเฟิง หยางมณีก็ได้ยินเสียงเจ้าของห้องแว่วออกมา



คุยกับใครกัน



ยังไม่ทันที่หยางมณีจะได้ตั้งใจเงี่ยหูฟังให้ชัด ๆ ท่านเจ้าคุณถิงอินทร์ก็เดินขึ้นเรือนมาพอดี



“คุณพี่...”



“อ่อ น้องหยางมณี ยังไม่เข้าห้องอีกรึ ค่ำมืดป่านนี้แล้ว”



“น้องรอคุณพี่น่ะเจ้าค่ะ”



ท่านเจ้าคุณเหลือบมองไปทางห้องคุณหญิงสร้อยเฟิง ใจหนึ่งหยางมณีก็อยากให้ท่านเจ้าคุณใช้เวลาอยู่กับตน แต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าใครกันที่คุยกับคุณหญิงสร้อยเฟิงอยู่ในห้องนั้น



“คุณพี่ไปหาคุณหญิงเถิดเจ้าค่ะ เธอไม่ค่อยสบาย คงอยากให้คุณพี่คอยดูแล” ในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะ



“หืม คุณหญิงไม่สบายดอกหรือ” ความรู้สึกผิดแล่นริ้ววาบเข้ามาในอกท่านเจ้าคุณถิงอินทร์ในทันที ตั้งแต่กลับมาจากสองแควก็ยังไม่ได้ไปหาคุณหญิงสร้อยเฟิงเลย เพราะมัวแต่หลงใหลความสดใสของผู้หญิงคนใหม่ ปล่อยให้คนที่เป็นคู่ชีวิตกันมากว่าสิบปีต้องมาไม่สบายไร้คนคอยดูแลเช่นนี้



“เจ้าค่ะ คุณพี่รีบไปดูอาการคุณหญิงเถิด”



ท่านเจ้าคุณลูบไล่มนแผ่วเบาก่อนประทับจูบนุ่มนวลลงบนแก้มนิ่ม



“วันพรุ่งข้าจะมาหาเจ้า” เอ่ยแล้วร่างแกร่งก็เดินจากไปยังห้องของผู้เป็นนายเรือน หยางมณียิ้มกริ่มเดินกลับเข้าห้องเฝ้ารอผลของแผนการตนในวันรุ่งขึ้นด้วยความพอใจ











ทันทีที่เปิดประตูห้องนอนกลิ่นดอกตีนเป็ดก็ลอยตีเข้าจมูกจนฉุนไปหมด ท่านเจ้าคุณถึงกับไอออกมาเพราะสำลักกลิ่นหอมนั้น



“ทำไมกลิ่นมันถึงได้ฉุนอย่างนี้ ทนอยู่ได้อย่างไรกันคุณหญิง” ท่านเจ้าคุณเอ่ยขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว คุณหญิงสร้อยเฟิงที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างหันกลับมาอย่างแช่มช้า



“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ คุณพี่ ปล่อยให้น้องรอมานานเสียเหลือเกิน” ท่านเจ้าคุณขมวดคิ้วมุ่นด้วยแปลกใจเพราะโดยปกติแล้วคุณหญิงจะไม่กล่าวเรียกร้องให้ตนมาหาหรือพูดสิ่งใดที่บ่งบอกว่ารอคอยตนอยู่เลย



คนไม่สบาย คงจะเหงามากสินะ ท่านเจ้าคุณคิดในใจอย่างเอ็นดู



ร่างสูงเดินเข้าไปปลอบประโลมสตรีผู้เป็นดั่งดวงใจ ร่างอวบอัดสวมกอดผู้เป็นสามีกระชับแน่นด้วยความห่วงหา



พลันที่สายตาของท่านเจ้าคุณถิงอินทร์เบือนไปสบกับรูปวาดบานเก่าบนผนังห้องความรู้สึกบางอย่างก็แล่นวาบเข้ามาในอก บนรูปนั้นคือ “คุณท้าวเทียนดารา” เจ้าคุณทวดต้นตระกูลของคุณหญิงสร้อยเฟิงตั้งแต่สมัยอยุธยายังเป็นพระนครหลวง ทั้งที่รูปวาดสีซีดจางเต็มทน แต่หลายครั้งที่เผลอสบมองก็มีความรู้สึกคุ้นเคยกับคนในรูปอย่างน่าประหลาด



จมูกโด่งเป็นสันโน้มลงจรดกลีบแก้มนุ่ม วันนี้กลิ่นกายของคุณหญิงหอมกำจายยิ่งกว่าทุกวัน คงเป็นเพราะคุณหญิงอาบลมอยู่ใกล้หน้าต่างใต้ต้นพญาสัตบรรณอยู่กระนั้นเอง













....โปรดติดตามตอนต่อไป....








Starring:

เฉินเหว่ยถิง        รับบทเป็น          ท่านเจ้าคุณถิงอินทร์

หลี่อี้เฟิง            รับบทเป็น          คุณหญิงสร้อยเฟิง

หยางหยาง         รับบทเป็น          คุณนายหยางมณี

จิ่งป๋อหรัน          รับบทเป็น          ป๋อจันทร์

หวังหยวน          รับบทเป็น          หยวนรตี

จางฮั่น              รับบทเป็น          ฮั่นศักดิ์

หม่าเทียนอวี่       รับบทเป็น          คุณท้าวเทียนดารา

จางอี้ชิง             รับบทเป็น          ส้มชิง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น