วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[Special Fic] INSIDE ME backstage #เบื้องหลังคอนเสิร์ตของเฉินเหว่ยถิง Part 1

[Special Fic] INSIDE ME backstage #เบื้องหลังคอนเสิร์ตของเฉินเหว่ยถิง Part 1

พบกันอีกครั้งกับฟิค #เบื้องหลังคอนเสิร์ตของเฉินเหว่ยถิง
ซึ่งคราวนี้มาในธีมคอนเสิร์ต INSIDE ME ของเฮียถิงค่ะ
โดยเราจะเขียนต่อกัน 6 คนคนละ 2 หน้าถ้วน ไม่มีการบอกพล็อต ต่อแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้
อยากรู้ไหมคะ ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป มาลุ้นด้วยกันสิคะ :D




Part 1
เสียงเพลง และเสียงขยับร่างกายดังก้องกังวานในสเตเดียมที่โอบล้อมด้วยที่นั่งว่างเปล่า ผู้ชายร่างสูงสมส่วนกำลังขยับร่างกายอย่างพลิ้วไหวเป็นหนึ่งเดียวกับจังหวะดนตรี เสื้อกล้ามสีขาวไม่อาจปิดบังกล้ามเนื้อที่ดูจะแข่งขันกันอวดตัวเองผ่านผ้าเนื้อบาง รอยชื้นเหงื่อทำให้ผ้าสีขาวแนบไปกับกล้ามเนื้อหนั่นแน่น หยดน้ำเกาะพราวบนใบหน้าหล่อเหลา เพิ่มเสน่ห์ให้คนที่ยืนอยู่ใจกลางเวทีจนทำให้คนมองไม่อาจละสายตา
ทั้งหมดอยู่ในสายตาที่อยู่หลังกรอบแว่นสีดำ
“ทำดีมาก เหว่ยถิง วันนี้พอแค่นี้ก่อน” สต๊าฟคนหนึ่งกล่าวขึ้นหลังจากการซ้อมการแสดงชุดสุดท้ายจบลง
อีกไม่กี่วันทัวร์คอนเสิร์ต INSIDE ME ของ เฉินเหว่ยถิงก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น สองปีที่ผ่านมากับการเข้ามาทำงานในจีนแผ่นดินใหญ่ ความนิยมของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ระหว่งที่เขากำลังเตรียมตัวสำหรับทัวร์คอนเสิร์ต ละครที่เขาได้รับบทเป็นนักแสดงนำก็ถูกฉายผ่านสายตาประชาชนอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะละครที่กำลังฉายอยู่ในตอนนี้ เก้าสกุลซึ่งเป็นเรื่องคาบเกี่ยวกับนิยายดัง ก็กำลังเป็นกระแส และปลุกความนิยมในตัวเขาให้เพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม ใคร ๆ ต่างก็บอกกันว่าปีนี้เป็นปีทองของเฉินเหว่ยถิง
แต่ชื่อเสียง ไม่เคยได้มาโดยง่าย ยิ่งขึ้นสูง ยิ่งอันตราย
นอกจากความทุ่มเทและพยายามของตัวเฉินเหว่ยถิงเองแล้ว เขายังต้องแลกด้วยความลำบากใจบางอย่าง
บางที โลกนี้อาจมีสิ่งที่เรียกว่า กฎของการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม อยู่จริง ๆ ก็ได้...
ความลำบากใจของเฉินเหว่ยถิงก็คือสายตาหลังกรอบแว่นของผู้ชายร่างอวบระยะสุดท้าย เจ้าของบทประพันธ์ต้นฉบับของละครที่เขาแสดงเป็นตัวเอกซึ่งกำลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้
น่าเบื่อ...
เพราะเป็นคนฮ่องกง การได้รับการยอมรับจากแผ่นดินใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะมีผู้สนับสนุนที่ดีเขาจึงยังยืนอยู่ตรงจุดนี้ได้ ถ้าเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากมีปัญหากับใคร


“ไง เหว่ยถิง ซ้อมวันนี้เหนื่อยไหม”
“ก็เหมือนทุกวันครับ ชินแล้ว”
“แหม่ เดี๋ยวนี้ก็แข็งแรงขนาดนี้น่ะนะ” อีกฝ่ายพูดพลางมองไปตามกล้ามเนื้อของร่างสูง “น่าเสียดาย เก้าสกุลน่าจะถ่ายทำหลังเตมูจิน” ประกายตาของคนพูดพราวขึ้นแบบที่เฉินเหว่ยถิงไม่ไว้ใจสักเท่าไหร่
“ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวก่อนนะครับ”
“อ้าว ยังไม่ทันคุยกันสักเท่าไหร่เลย วันนี้ฉันอุตส่าห์ว่างมาดูเธอซ้อม”
“พอดีผมมีนัดน่ะครับ”
“นัดเหรอ... พ่อหนุ่มตรงนั้นหรือเปล่า แนะนำให้ฉันรู้จักบ้างสิ” เฉินเหว่ยถิงไม่เคยพบเจอใครตื๊อเก่งเท่าผู้ชายคนนี้ ปรายตามองผู้ชายผิวขาวร่างสูงตัดผมสั้นเกรียนที่นั่งรออยู่มุมหนึ่งของสเตเดียมแล้วพยายามหาเหตุผลบ่ายเบี่ยง “พอดีฉันมีโปรเจกต์ใหม่น่ะ ว่าจะทาบทามเขาอยู่ รู้จักกันไว้สักหน่อยน่าจะดี” แล้วเฉินเหว่ยถิงก็จนปัญญาจะปฏิเสธ
ด้วยความจำใจ เฉินเหว่ยถิงจึงเดินนำ หนานไพ่ซานซูไปทางผู้ชายอีกคนที่นั่งรออยู่
แล้วก็มีเสียงแว่ว ๆ จากสต๊าฟคอนเสิร์ตที่กำลังเก็บของอยู่ดังมาเข้าหู
“ตาแก่นี่คิดจะงาบผู้ชายหล่อ ๆ ทุกคนเข้าฮาเร็มตัวเองหมดเลยหรือยังไงนะ”


“สวัสดีครับ ผมอู๋อี้ฝาน ได้ยินชื่อเสียงของคุณมานาน ดีใจที่เจอกันครับ” คนอายุน้อยกว่าชิงแนะนำตัวก่อนอย่างมีมารยาท พลางยื่นมือออกมาทักทาย
“ฉันก็อยากเจอเธอมานานแล้วเหมือนกัน” อีกฝ่ายพูดด้วยประกายตาแวววาว กระชับมืออู๋อี้ฝานแน่นเข้าราวกับจะไม่ยอมปล่อย
เฉินเหว่ยถิงหรี่ตามองนักเขียนใหญ่ด้วยความหงุดหงิดใจ แต่ก็พยายามอดกลั้นอาการให้แสดงออกมาน้อยที่สุด
“นิยายของคุณสนุกมากครับ ละครของคุณผมก็ได้ดูด้วย โปรดักชันดีมาก ๆ เลยครับ”
“โปรดักชันของเหล่าจิ่วเหมินหรือเต้ามู่ปี่จี้ล่ะ” เฉินเหว่ยถิงพูดลอย ๆ
นักเขียนร่างท้วมกระแอมเบา ๆ ก่อนหันไปคุยกับเด็กหนุ่มที่เขาอยากรู้จัก
“เธออยากมาร่วมงานกับฉันบ้างไหมล่ะ จริง ๆ ฉันก็สนใจเธออยู่มากทีเดียว”
“เอ่อ เป็นเกียรติมากครับที่นักเขียนใหญ่อย่างคุณชวนผม แต่ช่วงนี้ผมมีงานที่ต้องเดินทางต่างประเทศค่อนข้างมาก หากมีเวลาที่เหมาะสมเราคงมีโอกาสได้คุยกันครับ”
“อ่า อย่างนั้นเหรอ ถ้าฉันอยากจะขอคอนแท็กไว้ติดต่อเธอบ้างล่ะ” มืออวบหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นเตรียมบันทึกข้อมูลติดต่อ แต่อู๋อี้ฝานกลับหยิบกระดาษใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้
บนกระดาษแผ่นนั้นมีชื่อและข้อมูลติดต่อกับบริษัทเอเจนซี่ของอี้ฝาน
เฉินเหว่ยถิงแทบกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
อู๋อี้ฝานเป็นผู้ชายสุภาพ นอบน้อม ภาพลักษณ์ดูไม่มีพิษภัยต่อคนอื่น แต่ก็มีไหวพริบเท่าทันเล่ห์เหลี่ยมคนในวงการนี้อยู่ไม่ใช่น้อย
มุมปากของชายสูงวัยกระตุกเล็กน้อย
“หึหึ ถ้าอย่างนั้นฉันจะติดต่อไปก็แล้วกัน”
“ยินดีครับ”
“วันนี้ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน รบกวนเธอเสียนาน”
“แล้วพบกันครับ” อู๋อี้ฝานยังคงรักษารอยยิ้มพิมพ์ใจไว้เสมอต้นเสมอปลาย
“เชิญครับ” เป็นเสียงของเฉินเหว่ยถิง

ทันทีที่นักเขียนชื่อดังหันหลังเดินจากไป เฉินเหว่ยถิงก็ปาดเหงื่อ วาดมือเข้าคล้องแขนเจ้าของนัดของเขาในวันนี้ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มีความถี่สูงกว่าเดิมเล็กน้อย
“ฝานฝาน เจ่เจ้ไม่ไหวแล้ว พาเจ่เจ้กลับบ้านที” พูดพลางซบหัวทุย ๆ ลงบนบ่ากว้าง คำพูดนั้นทำให้คนที่เพิ่งหันหลังเดินจากไปถึงกับชะงักกึก
คนถูกคล้องแขนอมยิ้มให้คนที่ซบเขาอยู่
“กลับบ้านเลยหรือครับ ผมมีร้านอาหารอร่อยอยากจะชวนไปกินพอดี”
“ถ้าฝานฝานจะพาไป เจ่เจ้ไปก็ได้ เบื่อพวกแมลงหวี่แมลงวัน เมื่อไหร่จะเลิกตอแยก็ไม่รู้ ผีไม่เห็นผีหรือยังไงกันนะ เจ่เจ้เบื๊อเบื่ออออออ” เฉินเหว่ยถิงทอดเสียงยาว และไม่คิดจะลดระดับเสียงลง
ใครจะได้ยิน ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย

TBC

 ติดตามตอนต่อไปได้ที่ @cmart138 นะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น