วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[Special Fic] INSIDE ME backstage #เบื้องหลังคอนเสิร์ตของเฉินเหว่ยถิง Part 7

[Special Fic] INSIDE ME backstage #เบื้องหลังคอนเสิร์ตของเฉินเหว่ยถิง Part 7

พบกันอีกครั้งกับฟิค #เบื้องหลังคอนเสิร์ตของเฉินเหว่ยถิง
ซึ่งคราวนี้มาในธีมคอนเสิร์ต INSIDE ME ของเฮียถิงค่ะ
โดยเราจะเขียนต่อกัน 6 คนคนละ 2 หน้าถ้วน ไม่มีการบอกพล็อต ต่อแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้
อยากรู้ไหมคะ ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป มาลุ้นด้วยกันสิคะ :D

Part 1 by @ConiCat
Part 2 by @cmart138
Part 3 by @kakujo59
Part 4 @Essorhino
Part 5 @en_gen95
Part 6 by @zpctxv


Part 7

หลี่อี้เฟิงทำตัวมีลับลมคมใน
แปลก...แปลกจริง ๆ
ปกติเวลาที่อี้เฟิงมาหาเหว่ยถิง พระเอกหุ่นจ้ำม่ำมักจะพูดจ้อไม่หยุด เม้ามอยแบบไม่เหลือช่องว่างให้เขาแทรก แต่คราวนี้ดูแปลกไป ดวงหน้าหวานเรียบนิ่ง คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นระยะ บางครั้งก็มีประกายแวววาวดีใจเหมือนมีบางอย่างบรรลุวัตถุประสงค์
“อี้เฟิง ไม่ไปอาบน้ำเหรอ ดึกแล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“นายนอนก่อนเลย เดี๋ยวฉันง่วงจะตามไปเอง”
“อะไรกัน อุตส่าห์มาค้างห้องฉันทั้งที จะต่างคนต่างนอนเหรอเนี่ย”
“เออน่า เดี๋ยวตามไป” หลี่อี้เฟิงตอบแต่ตายังคงจ้องโทรศัพท์มือถือไม่กระพริบ เฉินเหว่ยถิงได้แต่ถอนหายใจก่อนเดินเข้าห้องนอนไป

เวลาล่วงเข้าวันใหม่มากว่าสามชั่วโมง แต่ที่ว่างด้านข้างบนเตียงเดียวกันยังคงว่างเปล่าและเย็นชืด
หลี่อี้เฟิงไปไหน
เฉินเหว่ยถิงค่อยเปิดประตูห้องนอนออกมา ในห้องนั่งเล่นส่วนกลางของห้องภายในคอนโด มีแสงไฟสีส้มอ่อนพอให้ความสว่างจากโคมไฟดวงย่อม
หลี่อี้เฟิงยังไม่หลับ แขกของห้องยังคงนั่งมองโทรศัพท์ด้วยท่าทีสุขุม ยังไม่ทันที่เฉินเหว่ยถิงจะได้เอ่ยทักอะไร ก็เหมือนจะมีสายเข้ามายังโทรศัพท์ของอี้เฟิงเสียก่อน
“ฮัลโหล อืม ถ้าเร็วกว่านี้สักสองวิ นายโดนฉันด่าแน่”
“...”
“อือ มีของที่ต้องการพอดี ถ้าครบภายในคืนนี้ก็มิชชั่นคอมพลีท”
“...”
“โอเค ฉันจะเป็นเจ้าภาพเอง เชิญพวกนายมารับส่วนบุญได้เลย”
“...”
“อะไร นี่ใคร นี่ป๋าหลี่อี้เฟิง ไม่รู้จักเหรอ เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อยน่า”
“...”
“พรุ่งนี้นัดสำคัญ อย่าให้เสียเที่ยวล่ะ ถ้าสำเร็จล่ะก็ พวกเราก็รวยกันเละ อยากซื้ออะไรก็ซื้อได้เลยล่ะทีนี้”
“....”
“อย่าลืมล่ะ ซากุระบานตอนสามทุ่ม หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงเราจะบุกกัน”
หลี่อี้เฟิงยิ้มกริ่มให้กับสายโทรศัพท์ที่เพิ่งวางไป ใบหน้าหวานฉายรอยความพึงพอใจ
นี่มันอะไรกัน...
วันนี้มีหลายคนบุกมาหาเขาที่ห้อง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจเขาจริงจัง แถมคนพวกนี้ก็ดูเหมือนมีความลับบางอยู่ที่รู้กัน โดยที่เขาไม่อาจล่วงรู้
เหมือนเป็นขบวนการ...อะไรสักอย่าง
ของที่ต้องการ
มิชชั่นคอมพลีท
รวยเละ
ซากุระบาน...
และ... บุก!
หรือว่า...!?!?
เฉินเหว่ยถิงสับสนถึงขีดสุดกับความคิดของตัวเอง คนพวกนี้อาจอยู่ในขบวนการอะไรบางอย่าง และอาจกำลังใช้ห้องของเขาเป็นแหล่งซ่องสุมกำลังพล
ให้ตายเถอะ คนพวกนี้กำลังทำอะไรกัน
หวังว่าจะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายหรอกนะ
แล้วถ้าใช่ล่ะ... เขาควรแจ้งตำรวจหรือเปล่า
คนพวกนี้เป็นเพื่อนในวงการที่รู้จักสนิทสนมกันมาหลายปี และทุกคนก็กำลังไปได้สวยในอาชีพของตัวเอง เขาไม่อยากให้ทุกคนต้องมาพัวพันเรื่องอื้อฉาว
เขาควรจะทำทำยังไงดี เข้าไปห้ามดีไหมนะ

แกร๊ก...

เพราะไม่ทันระวังตัว เหว่ยถิงเผลอเตะขาเก้าอี้โต๊ะกินข้าวบริเวณที่ตนเองแอบอยู่ หลี่อี้เฟิงชะงักก่อนลุกขึ้นยืนและหันมามองทางเจ้าของห้อง สายตาหวานคมมองเฉินเหว่ยถิงตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนเอ่ยคำพูดที่ทำให้ร่างสูงชาวาบ
“อ่า...ไม่คิดว่าของจริงจะเล็กแบบนี้นะ”

TBC

ทวงตอนต่อไปได้ที่ @cmart138 ค่า

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[Special Fic] INSIDE ME backstage #เบื้องหลังคอนเสิร์ตของเฉินเหว่ยถิง Part 1

[Special Fic] INSIDE ME backstage #เบื้องหลังคอนเสิร์ตของเฉินเหว่ยถิง Part 1

พบกันอีกครั้งกับฟิค #เบื้องหลังคอนเสิร์ตของเฉินเหว่ยถิง
ซึ่งคราวนี้มาในธีมคอนเสิร์ต INSIDE ME ของเฮียถิงค่ะ
โดยเราจะเขียนต่อกัน 6 คนคนละ 2 หน้าถ้วน ไม่มีการบอกพล็อต ต่อแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้
อยากรู้ไหมคะ ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป มาลุ้นด้วยกันสิคะ :D




Part 1
เสียงเพลง และเสียงขยับร่างกายดังก้องกังวานในสเตเดียมที่โอบล้อมด้วยที่นั่งว่างเปล่า ผู้ชายร่างสูงสมส่วนกำลังขยับร่างกายอย่างพลิ้วไหวเป็นหนึ่งเดียวกับจังหวะดนตรี เสื้อกล้ามสีขาวไม่อาจปิดบังกล้ามเนื้อที่ดูจะแข่งขันกันอวดตัวเองผ่านผ้าเนื้อบาง รอยชื้นเหงื่อทำให้ผ้าสีขาวแนบไปกับกล้ามเนื้อหนั่นแน่น หยดน้ำเกาะพราวบนใบหน้าหล่อเหลา เพิ่มเสน่ห์ให้คนที่ยืนอยู่ใจกลางเวทีจนทำให้คนมองไม่อาจละสายตา
ทั้งหมดอยู่ในสายตาที่อยู่หลังกรอบแว่นสีดำ
“ทำดีมาก เหว่ยถิง วันนี้พอแค่นี้ก่อน” สต๊าฟคนหนึ่งกล่าวขึ้นหลังจากการซ้อมการแสดงชุดสุดท้ายจบลง
อีกไม่กี่วันทัวร์คอนเสิร์ต INSIDE ME ของ เฉินเหว่ยถิงก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น สองปีที่ผ่านมากับการเข้ามาทำงานในจีนแผ่นดินใหญ่ ความนิยมของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ระหว่งที่เขากำลังเตรียมตัวสำหรับทัวร์คอนเสิร์ต ละครที่เขาได้รับบทเป็นนักแสดงนำก็ถูกฉายผ่านสายตาประชาชนอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะละครที่กำลังฉายอยู่ในตอนนี้ เก้าสกุลซึ่งเป็นเรื่องคาบเกี่ยวกับนิยายดัง ก็กำลังเป็นกระแส และปลุกความนิยมในตัวเขาให้เพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม ใคร ๆ ต่างก็บอกกันว่าปีนี้เป็นปีทองของเฉินเหว่ยถิง
แต่ชื่อเสียง ไม่เคยได้มาโดยง่าย ยิ่งขึ้นสูง ยิ่งอันตราย
นอกจากความทุ่มเทและพยายามของตัวเฉินเหว่ยถิงเองแล้ว เขายังต้องแลกด้วยความลำบากใจบางอย่าง
บางที โลกนี้อาจมีสิ่งที่เรียกว่า กฎของการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม อยู่จริง ๆ ก็ได้...
ความลำบากใจของเฉินเหว่ยถิงก็คือสายตาหลังกรอบแว่นของผู้ชายร่างอวบระยะสุดท้าย เจ้าของบทประพันธ์ต้นฉบับของละครที่เขาแสดงเป็นตัวเอกซึ่งกำลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้
น่าเบื่อ...
เพราะเป็นคนฮ่องกง การได้รับการยอมรับจากแผ่นดินใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะมีผู้สนับสนุนที่ดีเขาจึงยังยืนอยู่ตรงจุดนี้ได้ ถ้าเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากมีปัญหากับใคร


“ไง เหว่ยถิง ซ้อมวันนี้เหนื่อยไหม”
“ก็เหมือนทุกวันครับ ชินแล้ว”
“แหม่ เดี๋ยวนี้ก็แข็งแรงขนาดนี้น่ะนะ” อีกฝ่ายพูดพลางมองไปตามกล้ามเนื้อของร่างสูง “น่าเสียดาย เก้าสกุลน่าจะถ่ายทำหลังเตมูจิน” ประกายตาของคนพูดพราวขึ้นแบบที่เฉินเหว่ยถิงไม่ไว้ใจสักเท่าไหร่
“ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวก่อนนะครับ”
“อ้าว ยังไม่ทันคุยกันสักเท่าไหร่เลย วันนี้ฉันอุตส่าห์ว่างมาดูเธอซ้อม”
“พอดีผมมีนัดน่ะครับ”
“นัดเหรอ... พ่อหนุ่มตรงนั้นหรือเปล่า แนะนำให้ฉันรู้จักบ้างสิ” เฉินเหว่ยถิงไม่เคยพบเจอใครตื๊อเก่งเท่าผู้ชายคนนี้ ปรายตามองผู้ชายผิวขาวร่างสูงตัดผมสั้นเกรียนที่นั่งรออยู่มุมหนึ่งของสเตเดียมแล้วพยายามหาเหตุผลบ่ายเบี่ยง “พอดีฉันมีโปรเจกต์ใหม่น่ะ ว่าจะทาบทามเขาอยู่ รู้จักกันไว้สักหน่อยน่าจะดี” แล้วเฉินเหว่ยถิงก็จนปัญญาจะปฏิเสธ
ด้วยความจำใจ เฉินเหว่ยถิงจึงเดินนำ หนานไพ่ซานซูไปทางผู้ชายอีกคนที่นั่งรออยู่
แล้วก็มีเสียงแว่ว ๆ จากสต๊าฟคอนเสิร์ตที่กำลังเก็บของอยู่ดังมาเข้าหู
“ตาแก่นี่คิดจะงาบผู้ชายหล่อ ๆ ทุกคนเข้าฮาเร็มตัวเองหมดเลยหรือยังไงนะ”


“สวัสดีครับ ผมอู๋อี้ฝาน ได้ยินชื่อเสียงของคุณมานาน ดีใจที่เจอกันครับ” คนอายุน้อยกว่าชิงแนะนำตัวก่อนอย่างมีมารยาท พลางยื่นมือออกมาทักทาย
“ฉันก็อยากเจอเธอมานานแล้วเหมือนกัน” อีกฝ่ายพูดด้วยประกายตาแวววาว กระชับมืออู๋อี้ฝานแน่นเข้าราวกับจะไม่ยอมปล่อย
เฉินเหว่ยถิงหรี่ตามองนักเขียนใหญ่ด้วยความหงุดหงิดใจ แต่ก็พยายามอดกลั้นอาการให้แสดงออกมาน้อยที่สุด
“นิยายของคุณสนุกมากครับ ละครของคุณผมก็ได้ดูด้วย โปรดักชันดีมาก ๆ เลยครับ”
“โปรดักชันของเหล่าจิ่วเหมินหรือเต้ามู่ปี่จี้ล่ะ” เฉินเหว่ยถิงพูดลอย ๆ
นักเขียนร่างท้วมกระแอมเบา ๆ ก่อนหันไปคุยกับเด็กหนุ่มที่เขาอยากรู้จัก
“เธออยากมาร่วมงานกับฉันบ้างไหมล่ะ จริง ๆ ฉันก็สนใจเธออยู่มากทีเดียว”
“เอ่อ เป็นเกียรติมากครับที่นักเขียนใหญ่อย่างคุณชวนผม แต่ช่วงนี้ผมมีงานที่ต้องเดินทางต่างประเทศค่อนข้างมาก หากมีเวลาที่เหมาะสมเราคงมีโอกาสได้คุยกันครับ”
“อ่า อย่างนั้นเหรอ ถ้าฉันอยากจะขอคอนแท็กไว้ติดต่อเธอบ้างล่ะ” มืออวบหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นเตรียมบันทึกข้อมูลติดต่อ แต่อู๋อี้ฝานกลับหยิบกระดาษใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้
บนกระดาษแผ่นนั้นมีชื่อและข้อมูลติดต่อกับบริษัทเอเจนซี่ของอี้ฝาน
เฉินเหว่ยถิงแทบกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
อู๋อี้ฝานเป็นผู้ชายสุภาพ นอบน้อม ภาพลักษณ์ดูไม่มีพิษภัยต่อคนอื่น แต่ก็มีไหวพริบเท่าทันเล่ห์เหลี่ยมคนในวงการนี้อยู่ไม่ใช่น้อย
มุมปากของชายสูงวัยกระตุกเล็กน้อย
“หึหึ ถ้าอย่างนั้นฉันจะติดต่อไปก็แล้วกัน”
“ยินดีครับ”
“วันนี้ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน รบกวนเธอเสียนาน”
“แล้วพบกันครับ” อู๋อี้ฝานยังคงรักษารอยยิ้มพิมพ์ใจไว้เสมอต้นเสมอปลาย
“เชิญครับ” เป็นเสียงของเฉินเหว่ยถิง

ทันทีที่นักเขียนชื่อดังหันหลังเดินจากไป เฉินเหว่ยถิงก็ปาดเหงื่อ วาดมือเข้าคล้องแขนเจ้าของนัดของเขาในวันนี้ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มีความถี่สูงกว่าเดิมเล็กน้อย
“ฝานฝาน เจ่เจ้ไม่ไหวแล้ว พาเจ่เจ้กลับบ้านที” พูดพลางซบหัวทุย ๆ ลงบนบ่ากว้าง คำพูดนั้นทำให้คนที่เพิ่งหันหลังเดินจากไปถึงกับชะงักกึก
คนถูกคล้องแขนอมยิ้มให้คนที่ซบเขาอยู่
“กลับบ้านเลยหรือครับ ผมมีร้านอาหารอร่อยอยากจะชวนไปกินพอดี”
“ถ้าฝานฝานจะพาไป เจ่เจ้ไปก็ได้ เบื่อพวกแมลงหวี่แมลงวัน เมื่อไหร่จะเลิกตอแยก็ไม่รู้ ผีไม่เห็นผีหรือยังไงกันนะ เจ่เจ้เบื๊อเบื่ออออออ” เฉินเหว่ยถิงทอดเสียงยาว และไม่คิดจะลดระดับเสียงลง
ใครจะได้ยิน ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย

TBC

 ติดตามตอนต่อไปได้ที่ @cmart138 นะคะ