[Special Fic] #วาเลนไทน์ของเฉินเหว่ยถิง
Part 3
พบกันอีกครั้งกับฟิค #วิ่งเปี้ยวโปรเจกต์ ซึ่งคราวนี้มาในธีม
“วาเลนไทน์”
โดยเราจะเขียนต่อกัน 5 คนคนละ 2 หน้าถ้วน
ไม่มีการบอกพล็อต ต่อแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้
อยากรู้ไหมคะ
ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป มาลุ้นด้วยกันสิคะ :D
ความเดิมตอนที่แล้ว
Part
2 by @en_gen95
Part 3
ไอ้เด็กนี่เป็นเพื่อนของหวังหยวนเองเหรอเนี่ย...
เฉินเหว่ยถิงคงต้องยอมรับทฤษฎีโลกกลมจริง
ๆ ก็คราวนี้
บรรยากาศคึกคักในสนามแข่ง
NASCAR ที่คับคั่งไปด้วยเหล่าบรรดาแฟน
ๆ มอเตอร์สปอร์ตที่ต่างมาเชียร์ทีมและนักแข่งในดวงใจ
หากคนที่ไม่เคยมาเยือนสถานที่แบบนี้ก็คงทำอะไรไม่ถูกเป็นธรรมดา...
เฉินเหว่ยถิงกำลังจะไปเตรียมตัวเพื่อลงแข่งขันในรายการที่จะมีขึ้นในช่วงบ่าย
แต่สายตาก็ดันไปสะดุดเข้ากับคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนขวักไขว่ ท่าทางดูลังเลสับสนไม่รู้จะไปทางไหนดีประกอบกับดวงตาใสซื่อที่เพียงหันมาสบกับเขาเพียงวินาทีแรกก็ทำให้เขาละสายตาไปไม่ได้
ท่ามกลางกระแสผู้คนที่เร่งรีบ
เหมือนเวลาของเราทั้งสองคนหยุดลง
“เอ่อ...”
เจ้าของดวงตาใสเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน
“หลงทางหรือไง
จะไปไหนล่ะ” เฉินเหว่ยถิงต่อบทสนทนาด้วยคำถาม
ร่างเล็กในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นผ้าคอตตอนเนื้อหนาสะพายเป้สีสันสดใสได้แต่มองหน้าเขาไม่เอ่ยคำพูดใด
เพียงแต่ยื่นตั๋วเข้าชมการแข่งขันให้เขาดูอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“อ่อ
ฉันกำลังจะไปใกล้ ๆ ที่นั่งนี้พอดี ให้ฉันพาไปไหมล่ะ”
เด็กน้อยพยักหน้ารับหงึกหงักอย่างกระตือรือร้น
ตื๊ดดด...
เสียงเรียกเข้าข้อความโทรศัพท์ของเฉินเหว่ยถิงดังขึ้น
เมื่อเห็นชื่อคนที่ส่งมาเขาก็รีบเปิดอ่านโดยทันที
‘เฮีย
วันนี้ผมไปดูเฮียแข่งไม่ได้แล้วนะ ท้องเสียอะ T_T’
ข้อความถูกส่งมาจากหวังหยวนทำให้เฉินเหว่ยถิงอดร้อนใจจนโทรกลับไปทันทีไม่ได้
“ฮัลโหล”
เสียงเล็กรับโทรศัพท์อย่างว่องไว
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า
ต้องไปหาหมอไหม” ระหว่างคุยโทรศัพท์ร่างเล็กของคนที่เฉินเหว่ยถิงพามาด้วยก็ยังงุนงงกับสถานที่ทำให้เดินตามไม่ทันจนเขาต้องฉวยข้อมือเล็กไว้ให้เดินตามมา
หลังจากคุยกับหวังหยวนเรียบร้อยดูแล้วอาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเขาและเด็กชายที่เพิ่งพบกันก็เดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าอัฒจันทร์ตามหมายเลขบนบัตรที่อีกฝ่ายยื่นให้เขาดูพอดี
เฉินเหว่ยถิงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น
“นายอยากนั่งดูชัด
ๆ ไหม”
เด็กชายตาโตขึ้นอย่างสงสัย
“วันนี้น้องชายฉันมาดูไม่ได้กะทันหัน
บัตรที่นั่งดีมาก ปล่อยให้ว่างก็น่าเสียดายใช่ไหมล่ะ”
เด็กชายเสตามองไปรอบตัวอย่างลังเล
“ไม่ต้องคิดมาน่า
ไปเถอะ” ไม่พูดเปล่าเฉินเหว่ยถิงก็ถือโอกาสฉุดข้อมือเล็กให้เดินตามเขาไปอีกครั้ง
เมื่อมาถึงที่นั่งที่เฉินเหว่ยถิงพามาร่างเล็กก็มองไปยังสนามด้วยท่าทีตื่นเต้น
จากตำแหน่งที่พวกเขาอยู่สามารถมองเห็นโดยรอบสนามได้ชัดที่สุด
เฉินเหว่ยถิงมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าว่าเขาไม่สามารถรีรอเวลาได้แล้ว
“เดี๋ยวฉันกลับมา”
“คุณจะไปไหน”
เด็กชายเอ่ยถามขึ้นมาเป็นประโยคแรกนับตั้งแต่เจอกัน
“เดี๋ยวก็รู้
มองในสนามดี ๆ ล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มละไมพลางยีหัวหนุ่มน้อยด้วยความเอ็นดู
การแข่งขันจบลงด้วยความตื่นตาตื่นใจของผู้คนในสนาม
เหล่าสิงห์แนสคาร์เลือดใหม่ขับเคี่ยวประชันฝีมือกันอย่างสูสี
สนามนี้คือประตูสู่การแข่งขันระดับนานาชาติของพวกเขา การชิงชัยครั้งจึงไม่มีคำว่าออมมือ
“เป็นยังไงบ้าง
สนุกไหม” เฉินเหว่ยถิงกลับมาหาเพื่อนใหม่ตัวเล็กบนอัฒจันทร์หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อย
“อื้อ”
เด็กน้อยพยักหน้ารัว ๆ อย่างน่ารักจนเฉินเหว่ยถิงอดจะอมยิ้มกับกิริยานั้นไม่ได้
“แล้วนี่นายจะไปไหนต่อหรือเปล่--“
“อ๊ะ”
ระหว่งทางลงบันไดมีคนทำน้ำหกไว้เด็กน้อยจึงลื่นล้มด้วยไม่ทันตั้งตัว
เฉินเหว่ยถิงฉวยคว้าร่างเล็กก่อนจะล้มลงด้วยสัญชาตญาณแต่ต่างคนต่างเสียหลักเขาจึงได้เพียงประคองหลังและศีรษะของเด็กน้อยไว้ไม่ให้กระแทกพื้นก่อนจะล้มลงไปทั้งคู่
เด็กชายหลับตาปี๋ก่อนจะค่อย
ๆ ลืมตามองเขาเมื่อการเคลื่อนไหวทุกอย่างหยุดลง
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
เด็กน้อยส่ายหัวเป็นคำตอบ
แต่ใบหน้ากลับแดงซ่าน
กว่าเฉินเหว่ยถิงจะเข้าใจอาการนั้นว่าเป็นเพราะเขาโอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้ทั้งตัว
ก็มีแรงบางอย่างฉุดคอเสื้อเขาขึ้นพร้อมกับหมัดลุ่น ๆ ที่กระแทกหน้าเขาเข้าอย่างจัง
“นายทำอะไรน่ะ!”
เสียงจากร่างเล็กอุทานขึ้นด้วยความตกใจ
“ไอ้หมอนี่มันทำอะไรนาย”
ผู้มาใหม่ที่ดูอายุไม่ต่างจากเด็กชายที่เขาเจอโดยบังเอิญเท่าไหร่นักถามกลับปนเสียงหอบจากการออกแรงชกหน้าเขาเมื่อครู่
“เขาแค่ช่วยฉันไว้น่ะเชียนซี
ไม่มีอะไรสักหน่อย”
“แต่เมื่อกี๊ฉันเห็น...”
เชียนซียังคงเถียง
“เห็นอะไร”
“ก็นาย...”
“เหอะ”
เฉินเหว่ยถิงพยุงตัวลุกขึ้นพลางสำรวจความเสียหายบนใบหน้า “เป็นเด็กเป็นเล็ก
เอะอะก็ใช้กำลังซะแล้ว อย่างนี้ฉันต้องคุยกับผู้ปกครองนายหรือเปล่า”
อีกฝ่ายไม่ได้สลดกับคำขู่ของเฉินเหว่ยถิงแถมยังจ้องตากลับอย่างดื้อดึง
จนเฉินเหว่ยถิงอดไม่ได้ที่จะอยากยั่วโมโหเด็กคนนี้ เขาก้าวเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย...
“อย่าเพิ่งมีเรื่องกันเลยนะครับ
ผมขอร้องล่ะ”
เด็กชายอีกคนรีบรั้งแขนของเฉินเหว่ยถิงเอาไว้แล้วกล่าวด้วยสายตาอ้อนวอน “นะครับ
จะให้ผมชดเชยให้ยังไงก็ได้ อย่ามีเรื่องกันเลยนะครับ”
เฉินเหว่ยถิงมองสายตาถมึงทึงของคนที่เพิ่งเสยกำปั้นใส่หน้าเขาไปหมาดแล้วก็นึกสนุก
“ฉันจะเห็นแก่เธอก็แล้วกัน
แต่...” เฉินเหว่ยถิงฉวยโทรศัพท์มือถือของคนที่รั้งเขาไว้มากดเลขหลายหลักอย่างคล่องแคล่วพร้อมกดโทรออก
โทรศัพท์อีกเครื่องในกระเป๋าของเขาสั่นขึ้นเพียงครั้งหนึ่งแล้วเขาก็กดตัดสาย “อย่าลืมมาชดเชยให้ด้วยก็แล้วกัน”
เฉินเหม่ยถิงมองเด็กหนุ่มสองคนเดินจากไปโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะบันทึกเบอร์มิสคอลล่าสุดว่าอะไรดี
แล้วเขาก็เหลือบไปเห็นแท็กเหล็กอันหนึ่งหล่นอยู่บนพื้นตรงที่เขาล้มลงเมื่อครู่
เขาจำได้ว่ามันคือแท็กเหล็กที่ห้อยกระเป๋าเป้ของเด็กน้อยที่เขาพามาดูการแข่งขันโดยบังเอิญในวันนี้
มันมีตัวหนังสือสามตัวถูกสลักไว้...
‘หวังจุนไค’
TBC
ติดตามตอนต่อไปได้ที่
@Essorhino นะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น