วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559

[SF] Breath of Jealousy 2/2 #ถิงถิง END

[SF] Breath of Jealousy 2/2 #ถิงถิง 
Pairing: เฉินเหว่ยถิง x เฉินเหว่ยถิง
................................................................................................................................................................................
 ความเดิมตอนที่แล้ว >> Breathe of Jealousy 1/2
“นายมันโง่! เมื่อไหร่จะเลิกโง่สักที!
เฉินเหว่ยถิงทำได้เพียงยืนนิ่ง ไม่เข้าใจทั้งการกระทำและคำพูดของน้องชายแม้เพียงนิด
เติ๋งเติ่งที่ไม่คิดจะอดทนกับความอึดอัดใจแม้เพียงนาทีเดียวคว้ากุญแจรถและกระเป๋าเงินเดินกระแทกคนที่ยืนขวางประตูออกไปอย่างไม่ไยดีว่าในใจของคนที่เขาเพิ่งพ่นคำว่ากล่าวใส่เมือครู่จะกำลังสับสนแค่ไหน
เสียงเปิดประตูบ้านไม่เบานักดังขึ้นมาถึงชั้นสองของบ้าน เฉินเหว่ยถิงก็เข้าใจความหมายทุกอย่าง เขารีบวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็วและไปถึงตัวน้องชายได้ก่อนที่เจ้าตัวจะออกจากบ้านไป
“เดี๋ยวก่อน” คนเป็นพี่เรียกปนเสียงเหนื่อยหอบ คว้าต้นแขนของเติ๋งเติ่งไว้
“ปล่อย”
“ฉัน...”
“ปล่อย”
“ฉันขอโทษ”
“ขอโทษ? ขอโทษเรื่องอะไร”
“ขอโทษทีทำให้นายต้องลำบากใจ”
เติ๋งเติ่งถอนหายใจยาวกับความอ้อมไปอ้อมมาของพี่ชายตัวเอง
“เลิกพูดเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไร..”
มือเรียวของเติ๋งเติ่งจับมือของพี่ชายฝาแฝดให้ออกจากแขนของเขาเบา ๆ สายตาอ่อนล้ามองสบผู้เป็นพี่แค่เพียงอึดใจก่อนเสไปทางอื่น เขาสูดหายใจลึกยาวก่อนผ่อนออกมาเต็มแรงและเดินออกจากบ้านไป
เติ๋งเติ่งรู้...
นั่นคือสิ่งที่วิ่งวนไปมาในหัวของเฉินเหว่ยถิงในตอนนี้
รู้...และก็คิดเหมือนกัน
ชั่ววินาทีหนึ่งที่เฉินเหว่ยถิงดีใจจนเหมือนหัวใจพองโตจนคับอก แต่แล้วเขาก็สะดุดกับความจริงที่ไม่อาจหลีกหนีได้ ...พวกเขาเป็นพี่น้องกัน...
ใช่ มันไม่มีประโยชน์อะไร
ต่อให้เราสองคนใจตรงกัน ก็ไม่มีทางก้าวข้ามความสัมพันธ์นี้ไปได้
น่าสมเพชสิ้นดี
.............................................................................

เสียงดนตรีดังกระหึ่มไม่ได้อยู่ในความสนใจของเติ๋งเติ่งแม้แต่น้อย เขารู้มานานแล้วว่าความรู้สึกที่เหว่ยถิงมีต่อเขามันไกลเกินคำว่าพี่น้อง รู้มานานพอ ๆ กับที่รู้ใจตัวเอง แต่ก็เป็นเพราะเหว่ยถิงเองที่เลือกจะห่างไป และสร้างกำแพงระหว่างเขาทั้งคู่
จริง ๆ แล้วเติ๋งเติ่งไม่สนใจด้วยซ้ำว่าพวกเขาจะเป็นพี่น้องกัน หรือแม้กระทั่งเป็นแฝดที่หน้าตาเหมือนกันราวกับส่องกระจก พวกเขามีกันอยู่แค่สองคน ไม่จำเป็นต้องแคร์ใคร แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่เปิดใจ แล้วเขาจะไปทำอะไรได้
เฉินเหว่ยถิงไม่เคยพูดว่ากล่าว ไม่ว่าเขาจะพาผู้หญิงกี่คนเข้าไปในบ้าน ถ้ามันเป็นเพียงแค่ความสัมพันธ์ชั่วคืน แต่น่าแปลก คนที่เหว่ยถิงกลัวที่สุดกลับเป็นจางฮั่น ทั้ง ๆ ที่เป็นเพื่อนสนิท และเติ๋งเติ่งเองก็ดูออกว่าหมอนั่นก็รู้ว่าเหว่ยถิงคิดอย่างไรกับเขา อาจเป็นเพราะสายตาที่จางฮั่นมองเขาทุกครั้งมันไม่เคยเหมือนกับที่นายนั่นมองเหว่ยถิงเลย
“อ้าว เติ๋งเติ่ง” คนบางคนก็ตายยากเหลือเกิน เพียงแค่นึกถึงก็ปรากฏตัวในทันที ไม่บ่อยนักที่เขาสองคนจะเจอกันโดยไม่มีเฉินเหว่ยถิงอยู่ด้วย
เขาเองก็อยากจะลองใจดูเหมือนกัน ว่าหมอนี่คิดยังไงกับเขากันแน่
“มาคนเดียวเหรอ”
“มาคุยธุระกับเพื่อนน่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
“นั่งด้วยกันก่อนสิ”
จางฮั่นลังเลในวินาทีแรกก่อนจะเข้าใจจากความหมายของสายตาที่น้องชายฝาแฝดของเพื่อนสนิทส่งมาให้แล้วรับเครื่องดื่มที่ถูกส่งให้เป็นการเชื้อเชิญ
เสื้อเชิ้ตผ้าเนื้อดีถูกปลดกระดุมออกถึงกลางอก ทุกท่วงท่าการขยับร่างกายของน้องชายเพื่อนทำให้สายตาของจางฮั่นไม่อาจละไปที่อื่นได้ เหมือนเจ้าตัวเองก็รู้ตัวว่าเขาลอบมองตนเองอยู่ทุกอิริยาบถ อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีอึดอัดอะไรซ้ำยังส่งสายตาเชิญชวนอีกเสียอย่างนั้น
ถ้าไม่เล่นด้วยก็คงจะเสียเชิงชายน่าดู
“ฉันยังไม่อยากถูกเหว่ยถิงหักคอเอาหรอกนะ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ฝ่ามือที่กำลังลูบไล้ต้นขาเรียวและปลายจมูกที่กำลังดอมดมลำคอระหงของเติ๋งเติ่งก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว
“ตัวฉันเป็นของฉัน ไม่เกี่ยวกับเหว่ยถิง”
.................................................................................
เสียงรถยนต์คุ้นหูของเพื่อนรักที่เข้ามาจอดหน้าบ้านในยามวิกาลทำให้เหว่ยถิงต้องเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน เมื่อเปิดประตูออกมาก็พบกับสิ่งที่เขากลัวที่สุด
เติ๋งเติ่งกลับมาพร้อมกับเพื่อนของเขา
จางฮั่นพยุงเติ๋งเติ่งที่กึ่งหลับกึ่งเมามายังหน้าประตูบ้านก็พบว่าเฉินเหว่ยถิงยืนรออยู่แล้ว
“ทำไมถึงเป็นนาย”
“เฮ้ย ๆ น้องนายชวนฉันก่อนนะเว้ย”
“ฉันไม่ได้ถามว่าใครชวนใครก่อน ฉันถามว่าทำไมถึงเป็นนาย!” เฉินเหว่ยถิงยังคงรักษาน้ำเสียงให้ราบเรียบแม้ในอกจะกำลังร้อนรน
“อือออ” เติ๋งเติ่งสะบัดศีรษะเบา ๆ ไล่ความมึนงงก่อนหันไปพูดกับพี่ชายตัวเอง “น่ารำคาญน่า ถอยไป”
เฉินเหว่ยถิงคว้าแขนน้องชายดึงให้ออกห่างจากเพื่อนสนิทของตัวเอง
“นายกลับไปได้แล้ว” เฉินเหว่ยถิงหันไปพูดกับจางฮั่นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพยายามเก็บอารมณ์ไม่พอใจอย่างที่สุด
เติ๋งเติ่งทำเพียงแค่เสยผมตัวเองแล้วมองไปทางอื่นอย่างเหนื่อยหน่าย จางฮั่นไม่เห็นประโยชน์ที่ตนจะอยู่ตรงนี้ต่อไปจึงบอกลาและขับรถจากไป
ไม่ทันที่แฝดผู้พี่จะเอ่ยคำใด คนเป็นน้องก็เดินเข้าบ้านไป เฉินเหว่ยถิงเดินตามเข้ามาในบ้านแล้วกระชากคอเสื้อของเติ๋งเติ่งด้วยความโมโห สาบเสื้อที่แหวกกว้างเผยให้เห็นรองสีแดงจางบริเวณไหปลาร้า เพียงเท่านั้นความอดทนทุกอย่างของเฉินเหว่ยถิงก็หมดสิ้น
“นายทำแบบนี้ทำไม ทำไมไม่รู้จักรักตัวเอง!” เฉินเหว่ยถิงตะคอกน้องชายอย่างเหลืออด จางฮั่นเป็นเพื่อนเขาก็จริง แต่มันไม่ได้รับประกันว่าจางฮั่นจะไม่เอานิสัยเจ้าชู้ไปทั่วมาใช้กับน้องชายของเขา
“รักตัวเองเหรอ? นั่นสินะ ฮะๆ” เติ๋งเติ่งหัวเราะเหมือนคนบ้า “ฉันควรจะรักตัวเองสินะ ไม่ใช่รักคนที่หน้าตาเหมือนตัวเอง ฉันนี่มันบ้าจริง ๆ” ความรู้สึกของเติ๋งเติ่งถูกพูดจากปากของเจ้าตัวป็นครั้งแรก ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว แต่พอได้ยินชัด ๆ คนเป็นพี่ก็ถึงกับพูดไม่ออก
“เติ๋งเติ่ง...”
“ปล่อยฉันไปสิ ถ้านายรักฉันไม่ได้ก็ปล่อยฉันให้คนอื่นไป” เขาอยากจะลืมเหว่ยถิงให้ได้ แต่ก็เป็นเพราะเหว่ยิงเองที่ไม่ยอมปล่อยมือจากเขาเสียที
“ฉันไม่ได้...”
“ฉันรู้ นายกลัว กลัวว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ทางเดียวที่จะหลุดพ้นความจากความรู้สึกบ้า ๆ นี่คือเราต้องปล่อยมือจากกันและกันสักที”
เฉินเหว่ยถิงหยุดคิดเนิ่นนาน เป็นเขาเอง เพราะเขาเอง ที่ฉุดรั้งเติ๋งเติ่งเอาไว้ ทั้งที่ตัวเขาไม่คิดจจะเปิดเผยความในใจ ไม่คิดครอบครอง แต่เมื่อใดที่เติ๋งเติ่งจะมีใครเข้ามาในชีวิตอย่างจริงจัง ก็เป็นเขาเองที่กันคนเหล่านั้นออกไป
เขามันเห็นแก่ตัว
มันคงถึงเวลาที่เขาทั้งสองคนต้องปลดล็อคจากความรู้สึกพวกนี้แล้วจริง ๆ
“ฉันขอโทษ...”
“หึ นายมันก็ดีแต่ขอโทษ รู้อะไรไหม มันโคตรแย่เลยว่ะ นายไม่เคยบอกความรู้สึกของตัวเองสักครั้งด้วยซ้ำ แต่นายหึงหวงฉันกับทุกคนที่เข้ามาในชีวิตฉัน ลากฉันกลับมาเพื่ออยู่กับความว่างเปล่าที่นายมีให้ นายมัน...”
“ฉันรักนาย” ในที่สุดแฝดผู้พี่ก็เอ่ยมันออกมา “ฉันพูดแล้วยังไง! เราเป็นพี่น้องกัน มันเป็นไปไม่ได้—“
“พอเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว” เติ๋งเติ่งหลับตาลงอย่างอ่อนล้า เขาเหนื่อยแล้วที่จะเปลี่ยนความคิดของคนตรงหน้า เฉินเหว่ยถิงไม่มีวันยอมเปลี่ยนสถานะของเขาทั้งสองคน แม้เขาจะรักกันเกินกว่าพี่น้องทั้งคู่ก็ตาม
“ปล่อยให้ฉันไปเป็นของคนอื่น นายจะลืมฉันเอง” เติ๋งเติ่งเอ่ยเสียงเบา
เฉินเหว่ยถิงรวบน้องชายฝาแฝดเข้ามากอดแน่น แค่คิดว่าเติ๋งเติ่งต้องไปเป็นของคนอื่นหัวใจของเขาก็ปวดหนึบ
“อย่าไป”
“...”
“ฉันรักนาย ฉันหวงนาย ฉันไม่รู้จะทำยังไง ได้โปรด อย่าทิ้งฉันไป”
เติ๋งเติ่งที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายรับรู้ได้ความเปียกชื้นบนบ่าที่ใบหน้าของอีกคนซบอยู่ แรงสั่นน้อย ๆ เพราะความหวั่นกลัวในจิตใจที่ถั่งโถม เขารู้...เพราะเขาก็ทั้งรักทั้งหวงผู้ชายคนนี้ไม่ต่างกัน
แฝดผู้น้องค่อย ๆ ผละตัวออกจากอ้อมกอด ประคองใบหน้าหล่อเหลาที่เหมือนกับตนทุกกระเบียดนิ้ว ไล้หัวแม่มือซับรอยน้ำตาจากดวงตาคมเข้ม เราสองคนหลงรักกันและกัน ในขณะเดียวกันก็ต่างผลักไสกันออกไป เขาเลือกจะมีชีวิตอยู่ในแสงสีและความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวย ในขณะที่เหว่ยถิงเลือกจะดูแลเขาอยู่ห่าง ๆ เฝ้ามองคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขาแล้วก็ผ่านไป ตราบใดที่เขายังไม่จริงจังกับใครเหว่ยถิงคงทนได้ แต่ถ้าคนที่เขาเลือกเป็นจางฮั่น มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ถ้าเป็นเหว่ยถิงล่ะ ถ้าคนที่เลือกคนอื่นมาเคียงข้างเป็นเหว่ยถิง เขาจะทนได้ไหม...
เติ๋งเติ่งเคลื่อนใบหน้าแนบประทับริมฝีปากลงบนเรียวปากของพี่ชาย ดูดดึงริมฝีปากบนและล่างสลับกันอย่างเชื่องช้า ลมหายใจของอีกฝ่ายที่เป่ารดข้างแก้มขาดห้วงในบางจังหวะ
เติ๋งเติ่งกระซิบติดริมฝีปาก น้ำเสียงแหบพร่า
“ถ้ามีคนจูบฉันแบบนี้...นายทนได้ไหม”
ไม่รอคำตอบมือเรียวก็สอดผ่านชายเสื้อของพี่ชายสัมผัสลอนกล้ามเนื้อใต้ร่มผ้าอย่างยั่วเย้า ฝ่ามือลูบไล้สูงขึ้นปัดผ่านศูนย์รวมปลายประสาทบนแผ่นอกแผ่วเบา
“ถ้าคนอื่นสัมผัสฉันแบบนี้ นายทนได้หรือเปล่า”
“เติ๋งเติ่ง...”
กลีบปากบดย้ำปิดกั้นคำพูดที่ออกมาในเวลาที่เติ๋งเติ่งยังไม่อยากฟัง
ซิปกางเกงถูกรูดลงพร้อมกับคำถามที่ถูกย้ำเตือน
“นายโอเคใช่ไหม ถ้าคนอื่นจะทำกับฉันแบบ--”
ปึก!
สิ้นสุดความอดทนของเฉินเหว่ยถิง ร่างของเติ๋งเติ่งถูกกดแนบไปกับผนัง เหว่ยถิงกดจูบลงบนริมฝีปากที่แสนหวงแหนด้วยแรงอารมณ์ทั้งหมด เขาจะจูบ จูบจนลบรอยจูบของใครอื่นที่เคยแตะต้องกลีบปากนี้ออกให้หมด จูบให้เติ๋งเติ่งจำได้แค่รสชาติของเขาจนโหยหารสจูบจากใครอื่นไม่ได้อีก
เติ๋งเติ่งไม่ได้รู้สึกตกใจกับการกระทำนี้ของพี่ชาย มือเรียวยังคงปฏิบัติภารกิจของมันอย่างอ้อยอิ่งแม้อีกฝ่ายจะกำลังหน้ามืดตามัวด้วยแรงหึงหวง กว่าเหว่ยถิงจะรู้ตัวกางเกงของเขาก็ถูกปลดลงไปครึ่งสะโพกแล้ว
ทั้งคู่หอบหนักจากสงครามจูบอันหนักหน่วง สายตาสองคู่ประสานกันด้วยความหมายที่แตกต่าง คู่หนึ่งโชนแสงอ้อนวอนจากห้วงลึกสุดใจ ในขณะที่อีกคู่หนึ่งยังฉายแววลังเล
เติ๋งเติ่งค่อย ๆ ลดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเฉินเหว่ยถิง ปลดปราการด่านสุดท้ายออกจนเผยให้เห็นส่วนกลางลำตัวที่ยังหลับใหล เติ๋งเติ่งสัมผัสมันอย่างเก้กังก่อนเริ่มสาวรูด แล้วค่อยเผยอริมฝีปากเข้าครอบครองส่วนปลายและรับมันเข้ามาในโพรงปากทีละนิด
เฉินเหว่ยถิงยังตกตะลึงและสับสนในการกระทำของน้องชาย แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามันคือสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด ท่อนล่างที่ได้รับการปรนเปรอตื่นตัวตอบสนองอย่างรวดเร็วราวกับมันกำลังโหยหาสัมผัสนี้อยู่เช่นกัน
เติ๋งเติ่งผละมือจากสะโพกของอีกฝ่ายมายังกระดุมเสื้อของตัวเองแล้วเริ่มปลดมันออก
“นาย...” เฉินเหว่ยถิงเปรยเสียงแผ่ว
“...” เติ๋งเติ่งไม่พูดอะไรเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของตัวเองบนใบหน้าของพี่ชายด้วยแววตาท้าทาย ท้ายที่สุดแล้วนอกจากพวกเขาสองคนคงไม่มีใครรู้ใจกันและกันดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว
เฉินเหว่ยถิงยกยิ้มบางกับแววตาลองดีนั่น ถ้าถามว่าเขาหลงใหลอะไรสักอย่างในตัวเติ๋งเติ่งที่ต่างจากเขา คำตอบก็คงไม่พ้นแววตาคู่นี้
“นายรู้ใช่ไหม ว่าหลังจากคืนนี้ไปแล้ว ระหว่างเราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” เป็นคำถามสุดท้ายของแฝดผู้พี่
“ฉันไม่เคยกลัว”
















END

ฝากความกาวและความแฝดไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ สงสัยจะได้มีเรื่องอื่นตามมาอีกเรื่อยๆ ความแฝดช่างดีเหลือเกิน ฮืออออออออออออ >///<




1 ความคิดเห็น:

  1. “ถ้ามีคนจูบฉันแบบนี้...นายทนได้ไหม” ฮืออออชอบประโยคนี้มากกกกก /ทึ้งหัวตัวเอง เป็นประโยคที่ฉลาดมากกกก ถามแบบนี้เหมือนกระตุ้นความหึง ทนได้ก็เก่งแล้ว ㅠㅠㅠㅠละพอปลดกางเกงพธดประโยคท้าย เอาดีๆใครหน้าไหนก็ไม่ทนอ่ะ ขนาดนี้แล้วก็ปล้ำเถอะ ยอมรับใจเถอะ ละพอประโยคสุดท้ายแบบใจจะขาดแล้ว "ฉันไม่เคยกลัว" นั่นแหละ!!! นั่นแหละที่ต้องการ แค่ยอมรับ 😭😭😭ให้เค้าสองคนกล้าทำ ชอบประโยคนั้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อนาคตจะเป็นไงช่างมัน ไหนๆก็เหลือกันสองคนละอ่ะ ไม่จำเป็นต้องสนในใครเลย ฮืออออ ปล.ขออีกนิด ชอบบบบ เติ๋งเติ่งควรมีเหว่ยถิงดูแลนั่นถูกที่สุดแล้ว ใส่ใจแม้กระทั่งหานมให้ดื่ม คุ้ยเสื้อในตู้มาให้ใสก่อนกลัวเป็นหวัด 😭เมะบื้อไปหน่อยแต่อบอุ่น พอยกโทษให้ได้อยู่



    ตอนแรกหวีดในทวิตละมันไม่พอ 140ตัวอักษรมันน้อยมาก เม้นต์ในนีเแทนแล้วกันน้า 😂

    ตอบลบ