วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

[OS] I found you. #ถิงถิง

[OS] I found you #ถิงถิง
Pairing: 陈伟X 陈灏霆
……………………………………………………………………………………………………

“ทำไมนายถึงไม่ไปสัมภาษณ์เข้าเรียนคณะแพทย์” เสียงเกรี้ยวกราดจริงจังของ เฉินเหว่ยถิงพี่ชายคนโตของบ้านถามน้องชาย
“ผมจะไปหรือไม่ไปมันก็เรื่องของผม ชีวิตของผม ไม่ใช่ชีวิตของพี่”
เผียะ!
“อกตัญญู! ครอบครัวเราทำธุรกิจโรงพยาบาลมาตั้งแต่รุ่นคุณทวด นายจะไม่รับผิดชอบกิจการของครอบครัวเรา แล้วตัดช่องน้อยแต่พอตัวทิ้งคุณพ่อคุณแม่ไว้หรือยังไง”
“หึ โลกนี้คงไม่ต้องการหมอที่หน้าตาเหมือนกันสองคนหรอกมั้งครับ พี่คนเดียวก็เพียงพอแล้วล่ะ” เฉินฮ่าวถิงมองตอบพี่ชายฝาแฝดของตนด้วยแววตาแข็งกร้าวเพียงชั่ววินาที ก่อนที่เหว่ยถิงจะเห็นเพียงแผ่นหลังของน้องชายเดินจากไป

และนั่น... คือภาพสุดท้ายของน้องชายในความทรงจำของเฉินเหว่ยถิง
บิดาและมารดาของทั้งคู่เสียใจอย่างมากที่ฮ่าวถิง น้องชายฝาแฝดของเขาออกจากบ้านไป ทิ้งไว้เพียงจดหมายที่บอกว่าจะไปเรียนต่อ ถ้าไม่ประสบความสำเร็จจะไม่กลับมาที่บ้านอีก
หกปีผ่านไปนับจากวันนั้นผมจึงมายืนอยู่ที่นี่ เมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของโลกที่อุดมไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
...มหานครลอนดอน...
ครอบครัวของเฉินเหว่ยถิงสืบข้อมูลจนรู้ว่าหลังจากฮ่าวถิงเรียนจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในปักกิ่ง ฮ่าวถิงได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนต่อในสถาบันที่มีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรมระดับโลกซึ่งตั้งอยู่ใจกลางมหานครลอนดอนแห่งนี้ พ่อและแม่ของพวกเขาทั้งสองรวมถึงตัวเหว่ยถิงเองต่างก็ยินดีและภูมิใจในตัวของฮ่าวถิงที่สามารถเดินตามเส้นทางของตัวเองได้อย่างภาคภูมิ แต่ความทุกข์ใจของคนเป็นพ่อแม่นั้นคือ แม้อยากจะแสดงความยินดีมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถส่งไปถึงลูกได้ อยากเห็นหน้าก็เพียงได้แค่แอบมอง ตลอดเวลาหกปีมีเพียงจดหมายจ่าหน้าซองถึงพ่อกับแม่เล่าถึงความเป็นไปคร่าว ๆ ในชีวิตเพียงปีละสองฉบับในวันเกิดของบุพการีทั้งสองท่านเท่านั้น แต่ในจดหมายทุกฉบับ มีข้อความที่เพียรย้ำเหมือนกันนั่นคือ อย่าพยายามติดต่อผม
ความทุกข์ใจของบิดามารดา เฉินเหว่ยถิงรับรู้อยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ท่านทั้งสองแต่รวมถึงตัวเขาเองที่คิดถึงน้องชายยิ่งกว่าใคร พวกเขาอยู่ด้วยกันมาตลอดสิบแปดปี อยู่ ๆ ก็ต้องจากกันโดยไม่ได้ร่ำลา และไม่สามารถติดต่อกันได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความใจร้อนในวัยรุ่นหนุ่มของเหว่ยถิง และความหยิ่งในศักดิ์ศรีมากกว่าใครของฮ่าวถิง เรื่องก็คงไม่ได้เป็นเช่นทุกวันนี้
คงมีเพียงแค่เขา ที่จะแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ เหว่ยถิงถึงได้ยืนอยู่ที่นี่
นครลอนดอนที่ใคร ๆ ต่างใฝ่ฝันจะมาเยือนสักครั้งในชีวิต ไม่ได้สวยหรูในทุกฤดูกาล เพราะสภาพภูมิประเทศทำให้ลอนดอนมีฝนตกชุกเกือบตลอดปี ทั้งยังมีอากาศแสนอบอ้าวในฤดูร้อนชวนรำคาญเป็นอย่างยิ่ง
เฉินเหว่ยถิงกำลังเดินไปตามถนนในจตุรัสเบดฟอร์ด ย่านบรูมส์เบอร์รี่ ซึ่งครอบครัวของเขาสืบรู้มาว่าฮ่าวถิงกำลังเรียนอยู่ที่สถาบันชื่อดังในย่านนี้ แต่ดูเหมือนเมฆฝนที่ตั้งเค้าลาง ๆ มาตั้งแต่เช้าจะไม่เป็นใจนัก เมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากสีทึม ๆ เป็นสีเข้มขมุกขมัว เฉินเหว่ยถิงเร่งฝีเท้าเผื่อหาที่หลบฝนก่อนตัวเขาจะเปียกปอน แต่ก็ดูเหมือนจะช้าไป...
ฝนเทลงมาอย่างหนักในทันทีทันใด เฉินเหว่ยถิงจำเป็นต้องวิ่งฝ่าฝนไปหลับในอาคารที่ใกล้ที่สุด บริเวณเฉลียงของอาคารมีคนวิ่งผ่านไปมาเพื่อรีบไปยังจุดหมายของตัวเอง
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง สายฝนก็ยังกระหน่ำลงมาไม่หยุดจนตะวันใกล้ลับขอบฟ้า รถราที่ผ่านไปมาเริ่มบางตาลง แต่เฉินเหว่ยถิงได้แต่กอดตัวเองที่ยืนหนาวสั่นในเสื้อผ้าเปียกชื้น
“แล้วฉันจะกลับบ้านยังไงเนี่ย” เสียงพึมพำเป็นภาษาจีนลอยแว่วเข้ามาในโสตประสาท มองจากหางตาคนพูดเป็นผู้ชายผมยาวหยักศกสวมหมวกไหมพรมหอบข้าวของพะรุงพะรัง ระหว่างที่ลอบสังเกตว่าชายคนนั้นจะทำอย่างไรต่อไปเขาก็หันมาทางที่เหว่ยถิงยืนอยู่พอดี
“...”
“ฮ่าวถิง...” เสียงแหบพร่าหลุดชื่อคนที่เขาไม่ได้เจอมาแสนนานออกมาแผ่วเบา

บางที...วันฝนตกในลอนดอนก็ไม่ได้แย่เสมอไป


END

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น