วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

[SF] Tipsy Love 2nd SHOT: Taking Sips #ฮั่นหยาง

[SF] Tipsy Love #Tipsyseries
Pairing: Zhang Han X Yang Yang
2nd SHOT: Taking Sips
…………………………………………………………………………………………………………………
            นับจากเหตุการณ์วันนั้นจางฮั่นก็ไม่ได้เจอหยางหยางอีกเลย เวลาผ่านไปเกือบสองอาทิตย์ แล้วโอกาสที่เขาจะได้พบกับนายแบบหน้าสวยก็มาถึง หยางหยางมีคิวถ่ายแบบที่สตูดิโอของเขาพอดี ช่างภาพวันนี้คือ จางจื่อเหยาหรือเฮียเหยา มือหนึ่งของสตูดิโอนี้
จางฮั่นรับปากเฮียเหยาโดยไม่ลังเลทันทีที่ถูกขอให้มาเป็นผู้ช่วยในงานนี้ ทั้งที่เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรดีเมื่อเจอหยางหยางอีกครั้ง แต่เพราะท่าทีขัดเขินและริ้วสีแดงที่แต้มบนแก้มใสในเช้าวันนั้นเรียกร้องให้เขาอยากขยับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนายแบบหนุ่มให้ก้าวไปอีกขั้น
“สวัสดีครับ” หยางหยางก้าวเข้าในสตูดิโออย่างรีบร้อนพลางดูนาฬิกาข้อมือก่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “นึกว่าจะสายเสียแล้ว”
“อ้าว น้องหยางหยาง มาพอดีเลย เชิญทางนี้เลยค่ะ” สไตลิสต์เรียกหยางหยางให้ไปเตรียมตัวในห้องแต่งตัว จางฮั่นที่กำลังช่วยทีมงานเตรียมอุปกรณ์ก็คอยลอบมองร่างขาวอยู่เป็นระยะ

หยางหยางเข้ามาในห้องแต่งตัวก็ต้องพบกับคนที่เขาไม่อยากเจอเอาเสียเลย จิ่งป๋อหรันกำลังนั่งให้ช่างแต่งหน้าละเลงเครื่องสำอางบนใบหน้าให้ อีกฝ่ายหันมายิ้มให้เขาเหมือนเช่นทุกครั้งแต่เป็นเขาเองที่ที่รู้สึกฝืดเฝื่อนเหลือเกินที่จะยิ้มตอบกลับไป
“สวัสดีครับพี่...” หยางหยางทักทายเบา ๆ ตามมารยาทก่อนแสร้งทำเป็นวุ่นวายกับการเตรียมตัวเพื่อที่จะตีตัวออกห่างจากฝ่ายนั้น
ระหว่างการถ่ายแบบ ในช่วงของการถ่ายภาพเดี่ยวทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปด้วยดี แต่พอถึงเซ็ตที่หยางหยางและจิ่งป๋อหรันถ่ายต้องภาพคู่กันหยางหยางกลับไม่สามารถทำหน้าที่ของตนได้ดีเหมือนเคย
“โอเค งั้นทุกคนพักก่อน” จางจื่อเหยาตะโกนบอกทุกคน หลังจากที่พยายามถ่ายเซ็ตภาพคู่มาเกือบชั่วโมงแต่ก็ยังไม่ได้ภาพที่ถูกใจ
“ขอโทษครับ” หยางหยางก้มหัวขอโทษทีมงานที่เขาเป็นต้นเหตุให้การทำงานล่าช้า
“เอาน่า ๆ ไปพักผ่อนก่อนเถอะ นายอาจจะเหนื่อย พักสักหน่อยคงจะดีขึ้น” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่หยางหยางรู้ดีว่าวันนี้จางจื่อเหยาไม่ประทับใจผลงานในครั้งนี้ของเขาเท่าไหร่ อีกทั้งความหมายที่แฝงในประโยคยังหมายถึงว่า หลังจากพักแล้ว ต้องดีขึ้นนะทำให้หยางหยางยิ่งรู้สึกกดดัน
“ดื่มอะไรเย็น ๆ หน่อยไหม” ขวดน้ำเย็นถูกยื่นมาให้หยางหยางที่ยังคงนั่งซึมอยู่ระหว่างที่คนอื่น ๆ ไปพักและรับประทานอาหารกลางวัน
หยางหยางเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยื่นขวดน้ำมาให้แล้วเรียมปากอิ่มก็เม้มบางอย่างลังเล
จางฮั่นเห็นว่านายแบบหน้าสวยคงยังมีอะไรบางอย่างในจิตใจที่ไม่อาจสลัดให้หลุดไปได้ ทั้งงานที่ไม่ค่อยคืบหน้าในวันนี้ยังพลอยทำให้บรรยากาศในสตูดิโอดูขุ่นมัวขึ้นไปอีก ร่างสูงจึงนั่งลงข้าง ๆ ร่างขาวก่อนเปิดฝาขวดน้ำและยื่นส่งให้อีกครั้ง
“ขอบคุณ...”
“ไม่เป็นไร” จางฮั่นตอบเพียงเท่านั้น แล้วบทสนทนาก็เงียบลง
“เอ่อ... ฉัน... ผม....” หยางหยางพยายามจะทำลายความเงียบระหว่างเขาทั้งสอง แต่ก็ไม่รู้จะเปิดบทสนทนาด้วยเรื่องอะไรดี
“ไม่ต้องเครียดเรื่องเฮียเหยาหรอก แกเป็นแบบนั้นแหละ เวลาทำงานก็จริงจังแบบนี้ ไม่งั้นจะเป็นช่างภาพแถวหน้าได้ยังไง จริงไหม”
“นั่นสินะครับ ผมเองต่างหากที่ทำได้ไม่ดี ก็สมควรที่จะถูกโกรธอยู่แล้ว”
“เพิ่งบอกอยู่เมื่อกี้เอง ว่าอย่าไปเครียดเรื่องเฮียเค้า คุณนี่นะ ทำไมเป็นพวกคิดมากจัง”
“อะไรกัน คุณนี่ เป็นคุณจะไม่คิดมากหรือยังไง”
“ต้องคิดเรื่องอะไรล่ะ”
“ก็กลัวว่าคนที่ร่วมงานด้วยเค้าจะไม่พอใจเราน่ะสิ”
“ไม่พอใจเรื่อง...?”
“ก็ผมทำงานได้ไม่ดี” หยางหยางตอบแล้วก็ทอดถอนใจ
“แล้วทำไมถึงทำได้ไม่ดีล่ะ”
“ก็...” หยางหยางรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็ไม่อาจบอกกับอีกฝ่ายได้
“เราทุกคน ต่างก็มีความทุกข์ของตัวเอง คุณอาจจะมีอะไรในใจมากมาย แต่ตอนนี้คือการทำงาน ก้าวสำคัญของการเป็นมืออาชีพ คือคุณต้องแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันก่อน” มือหนาวางประทับบนมือขาวเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ
หยางหยางมองมือของพวกเขาสองคนที่วางซ้อนกันอยู่ก่อนพลิกมือสอดประสานเข้ากอบกุมมือใหญ่ไว้
“งั้นวันนี้...คุณช่วยเป็นเรื่องงานของผมก่อนได้ไหม”
“...” จางฮั่นไม่ได้ตอบอะไรก่อนใช้มืออีกข้างลูบไหล่มนแทนคำพูดตอบรับ
รอยยิ้มบางถูกจุดขึ้นบนใบหน้าสวย
“วันนี้ยอมเป็นเรื่องงานให้ก่อนก็ได้ แต่วันหลังขอเป็นเรื่องส่วนตัวบ้างได้ไหม”
แล้วแก้มขาวก็แดงซ่านขึ้นอีกครั้ง แววตาสุกใสราวกับลูกกวางไร้เดียงสาที่มองร่างสูงด้วยความตกใจระคนเขินอายทำให้จางฮั่นไม่อยากจะปล่อยมือที่กอบกุมไว้เลยแม้แต่วินาทีเดียว



จางฮั่นสังเกตเห็นว่าจิ่งป๋อหรันคอยลอบมองหยางหยางอยู่บ่อย ๆ แต่เป็นหยางหยางที่คอยหลีกเลี่ยงที่ต้องมีบทสนทนาหรืออยู่ใกล้จิ่งป๋อหรัน ร่างสูงแปลกใจกับท่าทีเหล่านี้เพราะสองคนนี้เคยร่วมงานกันมาก่อนและก็ดูเข้ากันได้ดีไม่มีปัญหาอะไร แต่พอมาเป็นวันนี้ทุกอย่างกลับดูแปลกไป จางฮั่นทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ ทุกครั้งที่หยางหยางมีอาการลังเล แววตาสุกใสนั่นมักจะมองมาที่จางฮั่น และเขาก็ยิ้มตอบกลับไปทุกครั้ง ถ้าเขาจะเป็นที่พักพิงให้จิตใจที่บอบช้ำของหยางหยางได้ เขาก็ยินดี...
การถ่ายแบบในช่วงบ่ายหยางหยางทำได้ดีขึ้นมากจนจื่อเหยาต้องเอ่ยปากชม ซึ่งทำให้หยางหยางคลายความตึงเครียดไปได้มากทีเดียว
“ตอนบ่ายทำได้ดีมากเลยหยางหยาง เฮียนึกว่าต้องมีถ่ายซ่อมซะแล้ว” จื่อเหยาเดินเข้ามาคุยกับหยางหยาง
“ขอบคุณครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ช่วงเช้าทำให้ทุกคนลำบาก”
“อย่าคิดมากน่า เอาเป็นว่าวันนี้ขอบคุณมาก นายด้วยนะจางฮั่น”
“ครับ”
“เอ้อ อาทิตย์หน้างานถ่ายโฆษณาของบริษัทน่ะ เฮียติดงานที่ฝรั่งเศส นายช่วยมาเมนโฟโต้ให้หน่อยได้ไหม”
“งานใหญ่เลยนะครับ ทางผู้ใหญ่ว่ายังไงบ้างล่ะครับ”
“นายทำได้อยู่แล้ว เรื่องผู้ใหญ่เดี๋ยวเฮียคุยให้”
ระหว่างที่จางฮั่นกำลังคุยงานกับจางจื่อเหยา หยางหยางก็เหลือบไปเห็นจิ่งป๋อหรันกำลังเดินมาทางเขาพอดี เขาจึงรีบหาทางหลบเลี่ยง
“พี่จาง... ผมกลับด้วยได้ไหม วันนี้ไม่ได้เอารถมา” เสียงขอนคนตัวบางร้องเรียกเมื่อจางฮั่นคุยงานเสร็จพอดีและทุกคนกำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้าน จางฮั่นลอบมองไปอีกด้านหนึ่ง จิ่งป๋อหรันทำท่าเหมือนมีอะไรอยากจะคุยกับหยางหยาง แต่คนหน้าสวยคงไม่อยากจะคุยสักเท่าไหร่จึงเลือกที่จะใช้ร่างสูงเป็นข้ออ้างในการตีตัวออกห่าง
“อื้ม ไปสิ”
ทั้งสองเข้ามาอยู่ในรถของจางฮั่น แล้วบรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบ ร่างสูงไม่รู้ว่าเขาควรจะสมเพชตัวเองดีหรือเปล่าที่เป็นเหมือนแค่ ตัวสำรอง ของหยางหยางอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นเพียงแค่หยางหยางร้องขอ เขาก็เต็มใจหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ไม่เคยอิดออด
“อยากไปไหนต่อหรือเปล่า” จางฮั่นถามขึ้นทำลายความเงียบ
ใบหน้าสวยส่ายไปมาอย่างหงอยเหงา
“อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
“ไม่ดีกว่าครับ พี่จางช่วยอยู่เป็นเพื่อนผมก็ใจดีมาก ๆ แล้ว ถ้ายังมาเลี้ยงข้าวผมอีก ผู้ต้องรู้สึกไม่ดีแน่ ๆ”
“งั้นแชร์กันก็ได้ หยางหยางอยากกินอะไรล่ะ”
“แล้วแต่พี่จางเลยครับ แต่ผมไม่กินเผ็ดนะ” หยางหยางต่อท้ายประโยคด้วยหน้าตาน่ารักน่าชังจนจางฮั่นอดเอื้อมมือไปขยี้ผมคนอ่อนกว่าด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“หึๆ โอเค เดี๋ยวจะพาไปกินอะไรอร่อย ๆ ที่ไม่เผ็ดนะ”




แล้วจางฮั่นก็พาหยางหยางมา กินของอร่อยที่ไม่เผ็ดในร้านอาหารกึ่งสวนบรรยากาศดีไม่ไกลจากเมืองหลวงนัก
“ที่นี่สวยจังเลยนะครับ” นายแบบหนุ่มสีหน้าดีขึ้นกว่าช่วงกลางวันมาก หลังจากเดินเข้ามาในร้านคนตัวบางก็ดูตื่นตาตื่นใจกับการตกแต่งร้านของร้านอาหารแห่งนี้ “แบบนี้พี่จางคงพาสาว ๆ มาบ่อยสินะครับเนี่ย”
“หืม คิดเองเออเองอีกแล้ว พี่เคยพาใครมาที่ไหนกัน”
“แล้วพี่จางรู้จักร้านนี้ได้ยังไงกันครับ”
“อ้าว เสี่ยวฮั่น” จางฮั่นยังไม่ทันได้ตอบก็มีผู้หญิงรูปร่างหน้าตาดีในชุดผ้ากันเปื้อนคนหนึ่งเดินเข้ามาทักพอดี
“หวัดดีอาเจ้ วันนี้ผมพาเพื่อนมาด้วยขอนั่งข้างนอกนะ”
“หืมมมม เพื่อนแน่เหรอ ว่าแต่...จะไม่แนะนำให้เจ้รู้จักหน่อยเหรอจ๊ะ” หญิงสาวส่งสายตากรุ้มกริ่มมองสำรวจหยางหยางจนหยางหยางอดที่จะเขินไม่ได้เลยต้องเกาแก้มแก้เก้อ
“นี่หยางหยาง เป็นนายแบบที่ผมทำงานด้วยน่ะ หยางหยาง นี่เจ้จางเหม่ยหลินพี่สาวพี่เอง”
“สวัสดีครับ” หยางหยางทักทาย
“ไม่ต้องเกรงใจนะจ๊ะ ร้านอาหารนี้เป็นของครอบครัวเราเอง รับรองว่าอร่อยทุกอย่าง”หลังจากรับออเดอร์และส่งยิ้มมีเลศนัยให้น้องชายแล้ว เหม่ยหลินก็กลับเข้าไปในครัว ปล่อยให้จางฮั่นและหยางหยางใช้เวลาอยู่ด้วยกันเป็นการส่วนตัว
โต๊ะอาหารที่อยู่ในบริเวณสวนนี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัว มีการตกแต่งด้วยน้ำตกหินเล็ก ๆ เป็นการกั้นโซนสำหรับผู้มารับประทานอาหารได้อย่างเป็นธรรมชาติ อาหารหลากหลายเมนูถูกยกนำมาเสิร์ฟ จางฮั่นก็ทำหน้าที่แนะนำและคอยชวนให้หยางหยางรับประทานอาหารจนอิ่มแปล้ด้วยกันทั้งคู่
“อร่อยมากเลยครับพี่จาง อย่างนี้ผมคงต้องแวะมากินบ่อย ๆ ซะแล้วสิ” หยางหยางยิ้มเต็มแก้ม ดูอารมณ์ดีขึ้นมาถนัดตาหลังจากที่ได้กินของอร่อย
“ปากเลอะหมดแล้ว” จางฮั่นหยิบทิชชูอื้อมมือไปเช็ดคราบที่เลอะอยู่บริเวณริมฝีปากของหยางหยางให้อย่างเบามือ คนหน้าสวยเม้มปากทำตาโตด้วยความตกใจ จางฮั่นอมยิ้มกับท่าทางน่ารักนั้น
“...” หยางหยางทำตัวไม่ถูกได้แต่มองไปรอบ ๆ อย่างเก้อเขิน แล้วเหม่ยหลินก็ยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ
“เครื่องดื่มสุดพิเศษของร้านเราจ้ะ” เหม่ยหลินแนะนำ “ทานให้อร่อยนะจ๊ะ”
“คืออะไรหรือครับ” หยางหยางถาม
“ให้เสี่ยวฮั่นเป็นคนแนะนำดีกว่าจ้ะ พี่ไม่รบกวนแล้วดีกว่า” แล้วเหม่ยหลินก็กลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง
หยางหยางมองไปทางน้องชายของเจ้าของร้านด้วยสายตาเป็นคำถาม
“นี่เป็นค็อกเทลสูตรของร้านเรา” ค็อกเทลสีชมพูสวยประดับด้วยผลไม้หลายชนิดในโถแก้วสีใสที่เสิร์ฟมาพร้อมกระเช้าน้ำแข็งใบย่อมถูกรินลงบนแก้วทรงสูงปากเล็กที่ประดับด้วยกลีบเลมอนสีเหลืองสดดูมีชีวิตชีวา “ลองชิมสักหน่อยสิครับ หยางหยาง”
“จะเมาไหมครับเนี่ย” หยางหยางยังคงขยาดกับประสบการณ์การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครั้งล่าสุด
“เหล้าน่ะ ถ้ากินเป็นก็ไม่เมาหรอก ค่อย ๆ จิบสิ แล้วค่อย ๆ ลิ้มรสชาติของมัน” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างนุ่มนวล
หยางหยางยกแก้วทรงสูงขึ้นจรดริมฝีปาก กลิ่นแอลกอฮอล์บาง ๆ คละเคล้ากับกลิ่นผลไม้และส่วนผสมอื่นชวนให้อยากลิ้มลองรสชาติ เมื่อของเหลวสีสวยสัมผัสปลายลิ้นความหวานก็สะกิดทักทายตามมาด้วยรสเปรี้ยวที่เข้ากันอย่างกลมกล่อมกลบรสขม ๆ ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เบาบางลง
“ค็อกเทลนี้ชื่อว่าอะไรหรือครับ”
Tipsy Love”



To be continue
See you next SHOT :)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น