วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

[SF] เด็กกว่าแล้วไง 1 #ถิงหยวน

[SF] เด็กกว่าแล้วไง 1


#williamchanwaiting #wangyuan



วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเพื่อมากองถ่ายละคร โดยที่มาก่อนเวลาถึงสองชั่วโมง ผมตื่นเต้นมากกับละครเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะจะได้แสดงละครหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะคนที่ผมจะได้ร่วมงานด้วยต่างหาก

นั่นไง เขาอยู่ตรงนั้น

ผมอมยิ้มนิด ๆ เหลือบมอง “ถิงเกอ” ตัวจริงที่กำลังซ้อมบทละครอยู่ ก่อนหันมายิ้มให้กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเอง เขาจะรู้ไหมนะ ว่าผมใช้รูปของเขาเป็นล็อคสกรีนมือถือ ถ้าเขารู้ผมจะทำหน้ายังไงดีนะ

ผมแอบปลื้มถิงเกอมานานแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่ทั้งเก่ง หน้าตาดี แถมยังเซ็กซี่อีกต่างหาก แล้วจะไม่ให้ผมหลงใหลเขาได้ยังไงกัน

ต่อไปจะเป็นคิวที่ผมต้องเข้าฉากกับเขา ผมชักจะอดใจรอไม่ไหวแล้วล่ะครับ

“อ้าวเสี่ยวหยวน นั่งอยู่ตรงนี้นี่เอง พี่ก็มองหาเราอยู่ ไปซ้อมบทกันตรงนั้นดีกว่า”

“อะ ครับ” นาทีที่เขาเรียกชื่อผม เสียงหัวใจของผมมันดังราวกับกลองรัวจนน่าหนวกหูไปหมด อย่าส่งเสียงดังนักสิ ผมอยากฟังเสียงถิงเกอชัด ๆ อีกนิด...





เราซ้อมบทและถ่ายทำผ่านไปด้วยดี แม้จะทุลักทุเลไปบ้างเพราะความอ่อนประสบการณ์ของผม แต่ถิงเกอก็พยายามช่วยผมเต็มที่ ความจริงแล้วมันอาจจะออกมาดีกว่านี้ถ้าผมไม่ตื่นเต้นเกินไปเวลาที่อยู่ใกล้เขา ใบหน้าหวานราวกับผู้หญิงนั่นทำให้ผมใจสั่น ตอนที่เม็ดเหงื่อผุดพรายตามหน้าผากเขาผมก็อยากจะเอื้อมมือไปเช็ดออกให้ ผมไม่เคยรู้สึกกับใครอย่างนี้มาก่อนเลย นี่ผมกำลังตกหลุมรักหรือเปล่า

“หวังหยวน กินข้าวหรือยังจ๊ะ มากินข้าวกันเร็ว” ต้ามี่ส่งเสียงร้องเรียกผมชวนไปกินข้าวกลางวันของกองถ่ายด้วยกัน ผมอยากให้ถิงเกอมากินด้วยกันจัง ผมจะชวนเขาดีไหมนะ

“อ้าว ถิงถิง นายก็ยังไม่ได้กินนี่ มากินด้วยกันสิ”

“อ่อ อื้อ เดี๋ยวไป ๆ รอแป๊บนึง” ถิงเกอกำลังจัดการกับเสื้อที่ใช้เข้าฉากอยู่ เหมือนเขาจะถอดมันออกไม่ได้เพราะรายละเอียดของชุดที่เยอะเกินไป

“ให้ผมช่วยไหมครับ” ผมเอ่ยออกไปโดยที่ยังตกใจตัวเองอยู่ บ้าแน่ ๆ หวังหยวน !

“ดีเลย พี่ว่าถ้าพี่ยังถอดมันไม่ได้คงต้องใช้กรรไกรตัดมันออกแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ” เขาพูดติดตลกอย่าร่าเริง แต่ตอนนี้ใจของผมกำลังเต้นไม่เป็นส่ำ มือที่ยืนออกไปค่อย ๆ แก้ปมสายไฟของชุดที่พันกันวุ่นวายนั้นกำลังสั่น ผมพยายามควบคุมสติอย่างสุดความสามารถไม่ให้แสดงอาการอะไรออกไป

เมื่อแก้ปมสายไฟออกได้ เขาก็ถอดชุดนั้นออกอย่างง่ายดาย

“ขอบใจนะ เสี่ยวหยวน ช่วยได้มากเลย” เขาหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับวางมือบนศีรษะของผมแล้วขยี้ไปมา “ไปเถอะ ไปกินข้าวกัน พี่หิวจะแย่แล้ว”

ถิงเกอถอดเสื้อออกระหว่างที่นั่งกินข้าว คงเพราะความร้อนหลังจากใส่ชุดถ่ายทำที่ไม่สบายตัวมาตลอดช่วงเช้า นั่นสร้างความลำบากใจให้ผมอย่างมาก ผมพยายามห้ามสายตาตัวเองไม่ให้ลอบมองร่างกายที่สมบูรณ์แบบนั้นอย่างยากลำบาก ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากสัมผัส นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่...

เมื่อถึงเวลาเลิกกอง ผมรวบรวมความกล้าเข้าไปคุยกับถิงเกออีกครั้ง เพื่อบอกอะไรบางอย่าง

“เอ่อ ถิงเกอ”

“หือ ว่าไงเสี่ยวหยวน มีอะไร หรือเปล่า”

“ผมปลื้มเกอมากเลย เกอเป็นไอดอลของผมเลยนะครับ” เขาดูแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้มละมุนส่งมาให้ผม

“จริงเหรอเนี่ย ไม่รู้มาก่อนเลยนะ น่าดีใจจริง ๆ พี่ก็ชอบนายเหมือนกันนะ เป็นเด็กที่น่ารักมาก ๆเลยล่ะ”

พี่ก็ชอบนายเหมือนกันนะ... ประโยคที่ทำให้เหมือนมีลูกโป่งลูกใหญ่กำลังพองลมอยู่ในอกผม

เป็นเด็กที่น่ารักมาก ๆ เลยล่ะ...แต่ประโยคถัดมานี่สิ เหมือนมีใครเอาเข็มมาจิ้มให้ลูกโป่งในอกผมมันฟีบลงอย่างรวดเร็ว ใช่สิ ผมยังเด็ก ผมเลยไม่คู่ควรกับเกอเหรอ...เอ๊ะ ทำไมผมต้องคู่ควรกับเขาด้วยล่ะ

ผมต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่คิดไปว่าอยากจะยืนเคียงข้างเขา

แต่...ในสถานะอะไรล่ะ

ผมไม่อยากเป็นแค่น้องนี่นา... ผมไม่อยากเป็นเด็กแล้ว!




“คิดอะไรอยู่ ฮึ คิ้วขมวดเชียว”

“อะ ปะ เปล่าครับ ไม่มีอะไร”

“เหม่อลอยขนาดนี้จะกลับบ้านถูกไหมล่ะเนี่ย ไป พี่ไปส่งดีกว่า ถือว่าเซอร์วิสแฟนคลับกิติมศักดิ์ดีไหม บริการให้พิเศษเลย”

“ดีสิ ไปเถอะ พี่ง่วงจะแย่แล้ว อยากกลับบ้านไปนอนเต็มที ฮ่าๆๆ”

ผมไม่แน่ใจว่าสีหน้าผมเป็นยังไงตอนนี้ แต่ผมรู้สึกปวดแก้มไปหมดเลย มันดูเหนือความคาดหมายที่ถิงเกอจะไปส่งผมที่บ้าน ผมจะทำยังไงดี ผมตื่นเต้นไปหมดแล้ว




ระหว่างทางกลับบ้าน ผมไม่ได้พูดอะไรมากนัก มีเพียงถิงเกอที่พยายามชวนผมคุยตลอด เมื่อรถของถิงเกอชะลอความเร็วลงที่หน้าบ้านของผมผมก็ถอนหายใจยาว เพราะความตื่นเต้นทั้งหมดเริ่มคลายลง ผมหันไปมองหน้าถิงเกอช้า ๆ ก็พบว่าเขากำลังมองผมอยู่ เขายิ้มนิด ๆ เมื่อผมสบตาเขา

“ถึงแล้วล่ะ ไวจังเลยเนอะ”

เราจะต้องจากกันตรงนี้แล้ว ผมจะทำยังไงดี...

















ผมเห็นแล้วล่ะ ว่าเจ้าหวังหยวนนั่นแอบลอบมองผมอยู่ สายตานั่นจดจ้องอยู่ที่ผมไม่ล่อกแล่กไปไหนเลย มีเด็กมานั่งจ้องแบบนี้ผมก็เกร็งเหมือนกันนะ

“อ้าวเสี่ยวหยวน นั่งอยู่ตรงนี้นี่เอง พี่ก็มองหาเราอยู่ ไปซ้อมบทกันตรงนั้นดีกว่า” ผมเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเจ้าเด็กนี่

อย่าคิดว่าผมเข้าข้างตัวเองเลย แต่หวังหยวนต้องแอบชอบผมแน่ ๆ สายตาที่มองผมราวกับอยากจะกลืนกินผมไปทั้งตัว ไอเด็กบ้านี่ มันร้ายเกินไปแล้ว !




หวังหยวนมาช่วยผมถอดชุดของกองถ่ายที่ถอดยากแสนยากออกไป เขาก้มหน้าหลบสายตาผมตลอดเวลาที่ช่วยผมถอดชุด แต่มือที่เข้ามาช่วยผมนั้นสั่นน้อย ๆ และสะดุ้งทุกครั้งที่มันบังเอิญแตะต้องร่างกายของผม ผมได้แต่แอบยิ้มขำอยู่ในใจ เด็กน้อยเอ๊ย ไร้เดียงสาจริง ๆ คิดยังไงก็แสดงออกทางแววตาท่าทางเสียหมด ไม่รู้จักเก็บอาการซะบ้างเลย แล้วผมจะทำยังไงกับเจ้าเด็กนี่ดีล่ะ



ระหว่างที่กินข้าว ผมแกล้งถอดเสื้อแล้วนั่งลงกินข้าวใกล้ ๆ กับหวังหยวน เด็กน้อยของผมหน้าแดงเป็นลูกตำลึง แถมสายตานั่นก็ยังแอบมองร่างกายของผมอยู่เป็นระยะ

นี่ ! นายคิดอะไรกับฉันน่ะ

ผมอยากจะหัวเราะออกมาจริง ๆ เจ้าเด็กนี่ไร้เดียงสาเสียจนผมนึกสนุกที่จะแกล้งเล่น




เมื่อถึงเวลาเลิกกอง ผมลอบสังเกตว่าหวังหยวนเหมือนอยากจะคุยอะไรกับผม ผมจึงค่อย ๆ เก็บของอย่างไม่รีบร้อนอะไร อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทำอะไร

“เอ่อ ถิงเกอ” เสียงของเขาดูขลาดเขินจนน่าเอ็นดู

“หือ ว่าไงเสี่ยวหยวน มีอะไร หรือเปล่า”

“ผมปลื้มเกอมากเลย เกอเป็นไอดอลของผมเลยนะครับ”

“จริงเหรอเนี่ย ไม่รู้มาก่อนเลยนะ น่าดีใจจริง ๆ พี่ก็ชอบนายเหมือนกันนะ เป็นเด็กที่น่ารักมาก ๆเลยล่ะ” แถมยังน่าแกล้งมาก ๆ เลยด้วย

ผมตัดสินใจอาสาพาหวังหยวนไปส่งที่บ้าน อย่างนี้เรียกว่าอ่อยหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ล่ะก็ ผมยอมรับก็ได้ ในเมื่อเด็กมันอยากจะข้ามฝั่งมา ผมก็แค่ทอดสะพานให้...ก็เท่านั้นเอง

“เป็นไงเรา พูดน้อยจังเลยนะ เห็นปกติออกจะพูดเก่ง”

“ผมรู้จะคุยอะไรนี่ครับ”

“ไหนบอกว่าชอบฉันไง ทำไมถึงไม่มีอะไรอยากจะคุยล่ะ”

“เอ่อ...”

“ไม่ต้องเขินหรอกน่า ยังไงเราก็ต้องร่วมงานด้วยกันอีกนาน ตอนนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้น แต่อีกหน่อยเราต้องสนิทกันแน่ ๆ เลย ว่าไหม” ผมถามพลางหันไปมองเด็กน้อยที่กำลังสะกดความขัดเขินของตัวเองอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ ดู ๆ ไป...ก็น่ารักดีนะครับ

“พี่น่ะ ชอบไปซ้อมเต้นที่สตูดิโอ xxx อยู่แถว ๆ บ้านนายนี่แหละ นายบอกว่าชอบเวลาที่พี่เต้นไม่ใช่เหรอ อยากไปลองซ้อมเต้นด้วยกันไหมล่ะ” หวังหยวนหันมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนพยักหน้าถี่ ๆ รับคำชวนของผมดีใจ ผมหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอื้อมมือไปขยี้หัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู

เมื่อใกล้ถึงหน้าบ้านของหวังหยวนตามที่เจ้าตัวบอกทางมา ผมก็ชะลอความเร็วของรถลงจนกระทั่งจอดสนิทที่หน้าบ้านของเขา

“ถึงแล้วล่ะ ไวจังเลยเนอะ”

หวังหยวนยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน ผมก็ยังคงมองเขาอยู่อย่างนั้น ความไร้เดียงสาของเขามีเสน่ห์แบบที่ผมไม่มี ความเขินอายยามที่รู้สึกติ่นเต้นเมื่ออยู่ใกล้ผมยิ่งทำให้เขาน่ามอง

เด็กน้อยค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ เราสบตากันอยู่เกือบนาทีโดยไม่มีคำพูดใด ๆ ผมเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อนหัวเราะเบา ๆ แล้วหวังหยวนก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด

กลีบปากนุ่มประทับลงบนริมฝีปากของผมอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมชะงักความเคลือนไหวทั้งหมด ผมรู้สึกได้ว่าหวังหยวนมีอาการสั่นนิด ๆ ริมฝีปากของเขาที่แนบสนิมอยู่บนริมฝีปากของผมจากที่ตอนแรกเพียงประทับนิ่งนานกลับค่อย ๆ ขยับเคล้าคลึงริมฝีปากของผม ลิ้นเล็กค่อยไล้เลียรอยแยกของกลีบปากเบา ๆ จนผมเผลอเผยอปากตอบรับ ลิ้นอุ่นก็แทรกตัวเข้ามาในโพรงปากของผมทันที และลิ้นของผมก็ตอบรับลิ้นเล็กนั้นตามสัญชาตญาณอย่างเสียไม่ได้


เด็กสมัยนี้ทำไมถึงร้อนแรงนักนะ !





TALK: สั้นมากค่ะ กาวไม่ไหว ขอฟิคสักเรื่องเถอะ 555


Edit: เรื่องนี้อ่านตอนเดียวจบก็ได้นะคะ แต่ถ้าอยากอ่านต่อต้องใจแข็งนิดนึงค่ะ >> EP.02 // EP.03[END]

1 ความคิดเห็น:

  1. (...) นี่อ่านไปก็คิดนะพี่ สรุปใครเมะวะ โอ๊ะ55555555555555555555555555555 //ค้นหาเมะหนักมาก น่ารักดีค่ะ หวังหยวนน่ารักน่าหยิกมากเลย คู่นี้เคมีชนกังบึ้ม อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา ยิ้มไม่หุบแก้มแตก แงรรร

    ตรงช่วงเปลี่ยนพาร์ทอ่ะค่ะ น่าจะเว้นห่างอีกนิดไม่ก็บอกว่าตรงนี้พาร์ทถิงพูด แต่อ่านไม่งงค่ะ (หรือตูหลงความน่ารักเด็กไปแล้ว ถถถถถถถถ)

    ตอบลบ