[SF]
เด็กกว่าแล้วไง 1
วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเพื่อมากองถ่ายละคร โดยที่มาก่อนเวลาถึงสองชั่วโมง
ผมตื่นเต้นมากกับละครเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะจะได้แสดงละครหรอกนะครับ
แต่เป็นเพราะคนที่ผมจะได้ร่วมงานด้วยต่างหาก
นั่นไง เขาอยู่ตรงนั้น
ผมอมยิ้มนิด ๆ เหลือบมอง “ถิงเกอ” ตัวจริงที่กำลังซ้อมบทละครอยู่
ก่อนหันมายิ้มให้กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเอง เขาจะรู้ไหมนะ
ว่าผมใช้รูปของเขาเป็นล็อคสกรีนมือถือ ถ้าเขารู้ผมจะทำหน้ายังไงดีนะ
ผมแอบปลื้มถิงเกอมานานแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่ทั้งเก่ง หน้าตาดี แถมยังเซ็กซี่อีกต่างหาก
แล้วจะไม่ให้ผมหลงใหลเขาได้ยังไงกัน
ต่อไปจะเป็นคิวที่ผมต้องเข้าฉากกับเขา ผมชักจะอดใจรอไม่ไหวแล้วล่ะครับ
“อ้าวเสี่ยวหยวน นั่งอยู่ตรงนี้นี่เอง พี่ก็มองหาเราอยู่
ไปซ้อมบทกันตรงนั้นดีกว่า”
“อะ ครับ” นาทีที่เขาเรียกชื่อผม เสียงหัวใจของผมมันดังราวกับกลองรัวจนน่าหนวกหูไปหมด
อย่าส่งเสียงดังนักสิ ผมอยากฟังเสียงถิงเกอชัด ๆ อีกนิด...
เราซ้อมบทและถ่ายทำผ่านไปด้วยดี แม้จะทุลักทุเลไปบ้างเพราะความอ่อนประสบการณ์ของผม
แต่ถิงเกอก็พยายามช่วยผมเต็มที่
ความจริงแล้วมันอาจจะออกมาดีกว่านี้ถ้าผมไม่ตื่นเต้นเกินไปเวลาที่อยู่ใกล้เขา
ใบหน้าหวานราวกับผู้หญิงนั่นทำให้ผมใจสั่น
ตอนที่เม็ดเหงื่อผุดพรายตามหน้าผากเขาผมก็อยากจะเอื้อมมือไปเช็ดออกให้
ผมไม่เคยรู้สึกกับใครอย่างนี้มาก่อนเลย นี่ผมกำลังตกหลุมรักหรือเปล่า
“หวังหยวน กินข้าวหรือยังจ๊ะ มากินข้าวกันเร็ว”
ต้ามี่ส่งเสียงร้องเรียกผมชวนไปกินข้าวกลางวันของกองถ่ายด้วยกัน
ผมอยากให้ถิงเกอมากินด้วยกันจัง ผมจะชวนเขาดีไหมนะ
“อ้าว ถิงถิง นายก็ยังไม่ได้กินนี่ มากินด้วยกันสิ”
“อ่อ อื้อ เดี๋ยวไป ๆ รอแป๊บนึง”
ถิงเกอกำลังจัดการกับเสื้อที่ใช้เข้าฉากอยู่ เหมือนเขาจะถอดมันออกไม่ได้เพราะรายละเอียดของชุดที่เยอะเกินไป
“ให้ผมช่วยไหมครับ” ผมเอ่ยออกไปโดยที่ยังตกใจตัวเองอยู่ บ้าแน่ ๆ หวังหยวน !
“ดีเลย พี่ว่าถ้าพี่ยังถอดมันไม่ได้คงต้องใช้กรรไกรตัดมันออกแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ”
เขาพูดติดตลกอย่าร่าเริง แต่ตอนนี้ใจของผมกำลังเต้นไม่เป็นส่ำ มือที่ยืนออกไปค่อย
ๆ แก้ปมสายไฟของชุดที่พันกันวุ่นวายนั้นกำลังสั่น
ผมพยายามควบคุมสติอย่างสุดความสามารถไม่ให้แสดงอาการอะไรออกไป
เมื่อแก้ปมสายไฟออกได้ เขาก็ถอดชุดนั้นออกอย่างง่ายดาย
“ขอบใจนะ เสี่ยวหยวน ช่วยได้มากเลย” เขาหัวเราะเบา ๆ
พร้อมกับวางมือบนศีรษะของผมแล้วขยี้ไปมา “ไปเถอะ ไปกินข้าวกัน พี่หิวจะแย่แล้ว”
ถิงเกอถอดเสื้อออกระหว่างที่นั่งกินข้าว
คงเพราะความร้อนหลังจากใส่ชุดถ่ายทำที่ไม่สบายตัวมาตลอดช่วงเช้า
นั่นสร้างความลำบากใจให้ผมอย่างมาก
ผมพยายามห้ามสายตาตัวเองไม่ให้ลอบมองร่างกายที่สมบูรณ์แบบนั้นอย่างยากลำบาก
ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากสัมผัส นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่...
เมื่อถึงเวลาเลิกกอง ผมรวบรวมความกล้าเข้าไปคุยกับถิงเกออีกครั้ง เพื่อบอกอะไรบางอย่าง
“เอ่อ ถิงเกอ”
“หือ ว่าไงเสี่ยวหยวน มีอะไร หรือเปล่า”
“ผมปลื้มเกอมากเลย เกอเป็นไอดอลของผมเลยนะครับ”
เขาดูแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้มละมุนส่งมาให้ผม
“จริงเหรอเนี่ย ไม่รู้มาก่อนเลยนะ น่าดีใจจริง ๆ พี่ก็ชอบนายเหมือนกันนะ
เป็นเด็กที่น่ารักมาก ๆเลยล่ะ”
พี่ก็ชอบนายเหมือนกันนะ... ประโยคที่ทำให้เหมือนมีลูกโป่งลูกใหญ่กำลังพองลมอยู่ในอกผม
เป็นเด็กที่น่ารักมาก ๆ เลยล่ะ...แต่ประโยคถัดมานี่สิ
เหมือนมีใครเอาเข็มมาจิ้มให้ลูกโป่งในอกผมมันฟีบลงอย่างรวดเร็ว ใช่สิ ผมยังเด็ก
ผมเลยไม่คู่ควรกับเกอเหรอ...เอ๊ะ ทำไมผมต้องคู่ควรกับเขาด้วยล่ะ
ผมต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่คิดไปว่าอยากจะยืนเคียงข้างเขา
แต่...ในสถานะอะไรล่ะ
ผมไม่อยากเป็นแค่น้องนี่นา... ผมไม่อยากเป็นเด็กแล้ว!
“คิดอะไรอยู่ ฮึ คิ้วขมวดเชียว”
“อะ ปะ เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
“เหม่อลอยขนาดนี้จะกลับบ้านถูกไหมล่ะเนี่ย ไป พี่ไปส่งดีกว่า
ถือว่าเซอร์วิสแฟนคลับกิติมศักดิ์ดีไหม บริการให้พิเศษเลย”
“ดีสิ ไปเถอะ พี่ง่วงจะแย่แล้ว อยากกลับบ้านไปนอนเต็มที ฮ่าๆๆ”
ผมไม่แน่ใจว่าสีหน้าผมเป็นยังไงตอนนี้ แต่ผมรู้สึกปวดแก้มไปหมดเลย
มันดูเหนือความคาดหมายที่ถิงเกอจะไปส่งผมที่บ้าน ผมจะทำยังไงดี
ผมตื่นเต้นไปหมดแล้ว
ระหว่างทางกลับบ้าน ผมไม่ได้พูดอะไรมากนัก
มีเพียงถิงเกอที่พยายามชวนผมคุยตลอด เมื่อรถของถิงเกอชะลอความเร็วลงที่หน้าบ้านของผมผมก็ถอนหายใจยาว
เพราะความตื่นเต้นทั้งหมดเริ่มคลายลง ผมหันไปมองหน้าถิงเกอช้า ๆ
ก็พบว่าเขากำลังมองผมอยู่ เขายิ้มนิด ๆ เมื่อผมสบตาเขา
“ถึงแล้วล่ะ ไวจังเลยเนอะ”
เราจะต้องจากกันตรงนี้แล้ว ผมจะทำยังไงดี...
ผมเห็นแล้วล่ะ ว่าเจ้าหวังหยวนนั่นแอบลอบมองผมอยู่
สายตานั่นจดจ้องอยู่ที่ผมไม่ล่อกแล่กไปไหนเลย
มีเด็กมานั่งจ้องแบบนี้ผมก็เกร็งเหมือนกันนะ
“อ้าวเสี่ยวหยวน นั่งอยู่ตรงนี้นี่เอง พี่ก็มองหาเราอยู่
ไปซ้อมบทกันตรงนั้นดีกว่า” ผมเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศแปลก ๆ
ที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเจ้าเด็กนี่
อย่าคิดว่าผมเข้าข้างตัวเองเลย แต่หวังหยวนต้องแอบชอบผมแน่ ๆ
สายตาที่มองผมราวกับอยากจะกลืนกินผมไปทั้งตัว ไอเด็กบ้านี่ มันร้ายเกินไปแล้ว !
หวังหยวนมาช่วยผมถอดชุดของกองถ่ายที่ถอดยากแสนยากออกไป
เขาก้มหน้าหลบสายตาผมตลอดเวลาที่ช่วยผมถอดชุด แต่มือที่เข้ามาช่วยผมนั้นสั่นน้อย ๆ
และสะดุ้งทุกครั้งที่มันบังเอิญแตะต้องร่างกายของผม ผมได้แต่แอบยิ้มขำอยู่ในใจ
เด็กน้อยเอ๊ย ไร้เดียงสาจริง ๆ คิดยังไงก็แสดงออกทางแววตาท่าทางเสียหมด
ไม่รู้จักเก็บอาการซะบ้างเลย แล้วผมจะทำยังไงกับเจ้าเด็กนี่ดีล่ะ
ระหว่างที่กินข้าว ผมแกล้งถอดเสื้อแล้วนั่งลงกินข้าวใกล้ ๆ กับหวังหยวน
เด็กน้อยของผมหน้าแดงเป็นลูกตำลึง
แถมสายตานั่นก็ยังแอบมองร่างกายของผมอยู่เป็นระยะ
นี่ ! นายคิดอะไรกับฉันน่ะ
ผมอยากจะหัวเราะออกมาจริง ๆ
เจ้าเด็กนี่ไร้เดียงสาเสียจนผมนึกสนุกที่จะแกล้งเล่น
เมื่อถึงเวลาเลิกกอง ผมลอบสังเกตว่าหวังหยวนเหมือนอยากจะคุยอะไรกับผม
ผมจึงค่อย ๆ เก็บของอย่างไม่รีบร้อนอะไร อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทำอะไร
“เอ่อ ถิงเกอ” เสียงของเขาดูขลาดเขินจนน่าเอ็นดู
“หือ ว่าไงเสี่ยวหยวน มีอะไร หรือเปล่า”
“ผมปลื้มเกอมากเลย เกอเป็นไอดอลของผมเลยนะครับ”
“จริงเหรอเนี่ย ไม่รู้มาก่อนเลยนะ น่าดีใจจริง ๆ พี่ก็ชอบนายเหมือนกันนะ
เป็นเด็กที่น่ารักมาก ๆเลยล่ะ” แถมยังน่าแกล้งมาก ๆ เลยด้วย
ผมตัดสินใจอาสาพาหวังหยวนไปส่งที่บ้าน อย่างนี้เรียกว่าอ่อยหรือเปล่าครับ
ถ้าใช่ล่ะก็ ผมยอมรับก็ได้ ในเมื่อเด็กมันอยากจะข้ามฝั่งมา
ผมก็แค่ทอดสะพานให้...ก็เท่านั้นเอง
“เป็นไงเรา พูดน้อยจังเลยนะ เห็นปกติออกจะพูดเก่ง”
“ผมรู้จะคุยอะไรนี่ครับ”
“ไหนบอกว่าชอบฉันไง ทำไมถึงไม่มีอะไรอยากจะคุยล่ะ”
“เอ่อ...”
“ไม่ต้องเขินหรอกน่า ยังไงเราก็ต้องร่วมงานด้วยกันอีกนาน
ตอนนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้น แต่อีกหน่อยเราต้องสนิทกันแน่ ๆ เลย ว่าไหม” ผมถามพลางหันไปมองเด็กน้อยที่กำลังสะกดความขัดเขินของตัวเองอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ
ดู ๆ ไป...ก็น่ารักดีนะครับ
“พี่น่ะ ชอบไปซ้อมเต้นที่สตูดิโอ xxx อยู่แถว ๆ บ้านนายนี่แหละ นายบอกว่าชอบเวลาที่พี่เต้นไม่ใช่เหรอ
อยากไปลองซ้อมเต้นด้วยกันไหมล่ะ” หวังหยวนหันมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนพยักหน้าถี่
ๆ รับคำชวนของผมดีใจ ผมหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอื้อมมือไปขยี้หัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
เมื่อใกล้ถึงหน้าบ้านของหวังหยวนตามที่เจ้าตัวบอกทางมา
ผมก็ชะลอความเร็วของรถลงจนกระทั่งจอดสนิทที่หน้าบ้านของเขา
“ถึงแล้วล่ะ ไวจังเลยเนอะ”
หวังหยวนยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน ผมก็ยังคงมองเขาอยู่อย่างนั้น
ความไร้เดียงสาของเขามีเสน่ห์แบบที่ผมไม่มี
ความเขินอายยามที่รู้สึกติ่นเต้นเมื่ออยู่ใกล้ผมยิ่งทำให้เขาน่ามอง
เด็กน้อยค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ เราสบตากันอยู่เกือบนาทีโดยไม่มีคำพูดใด ๆ
ผมเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อนหัวเราะเบา ๆ แล้วหวังหยวนก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด
กลีบปากนุ่มประทับลงบนริมฝีปากของผมอย่างไม่ทันตั้งตัว
ผมชะงักความเคลือนไหวทั้งหมด ผมรู้สึกได้ว่าหวังหยวนมีอาการสั่นนิด ๆ ริมฝีปากของเขาที่แนบสนิมอยู่บนริมฝีปากของผมจากที่ตอนแรกเพียงประทับนิ่งนานกลับค่อย
ๆ ขยับเคล้าคลึงริมฝีปากของผม ลิ้นเล็กค่อยไล้เลียรอยแยกของกลีบปากเบา ๆ
จนผมเผลอเผยอปากตอบรับ ลิ้นอุ่นก็แทรกตัวเข้ามาในโพรงปากของผมทันที และลิ้นของผมก็ตอบรับลิ้นเล็กนั้นตามสัญชาตญาณอย่างเสียไม่ได้
เด็กสมัยนี้ทำไมถึงร้อนแรงนักนะ !
TALK: สั้นมากค่ะ กาวไม่ไหว ขอฟิคสักเรื่องเถอะ 555
(...) นี่อ่านไปก็คิดนะพี่ สรุปใครเมะวะ โอ๊ะ55555555555555555555555555555 //ค้นหาเมะหนักมาก น่ารักดีค่ะ หวังหยวนน่ารักน่าหยิกมากเลย คู่นี้เคมีชนกังบึ้ม อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา ยิ้มไม่หุบแก้มแตก แงรรร
ตอบลบตรงช่วงเปลี่ยนพาร์ทอ่ะค่ะ น่าจะเว้นห่างอีกนิดไม่ก็บอกว่าตรงนี้พาร์ทถิงพูด แต่อ่านไม่งงค่ะ (หรือตูหลงความน่ารักเด็กไปแล้ว ถถถถถถถถ)