[Fic]
The Four #จตุรเมีย
Starring:
เฉินเหว่ยถิง รับบทเป็น ท่านเจ้าคุณถิงอินทร์
หลี่อี้เฟิง รับบทเป็น
คุณหญิงสร้อยเฟิง
หยางหยาง รับบทเป็น คุณนายหยางมณี
จิ่งป๋อหรัน รับบทเป็น ป๋อจันทร์
หวังหยวน รับบทเป็น หยวนรตี
จางฮั่น รับบทเป็น ฮั่นศักดิ์
ลุ่มน้ำเจ้าพระยาอันเป็นแผ่นดินทองหล่อเลี้ยงทุกสรรพชีวิตบนแผ่นดินสยาม
มีความสงบสุขร่มเย็นใต้พระบรมโพธิสมภารแห่งวีรกษัตริย์มานับร้อยปี
เบื้องหลังความรุ่งเรืองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
มีบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ผู้เป็นกำลังสำคัญใต้เบื้องพระยุคลบาทถูกจารึกคุณงามความดีไว้มากมาย
และบุรุษที่จะไม่กล่าวถึงเสียมิได้นั้นคือ “ท่านเจ้าคุณถิงอินทร์”
ท่านเจ้าคุณถิงอินทร์เป็นบุตรของเจ้าพระยาเฉินเพชรและคุณหญิงเหว่ยศรี
สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารชั้นเอกของวังหลวงในสมัยนั้น
เมื่อสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงไปศึกษาต่อด้านการปกครอง ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
และกลับมาเข้ารับราชการสนองคุณแผ่นดินในกระทรวงมหาดไทยนับแต่นั้น
ท่านเจ้าคุณถิงอินทร์ในวัยรุ่นหนุ่ม เมื่อนั้นยังเป็นเพียงท่านชายถิงอินทร์อายุอานามเพียงยี่สิบปลาย
แต่ด้วยความเฉลียวฉลาดและความรู้ความสามารถที่ร่ำเรียนมา
ทำให้ฝีมือเป็นที่ประจักษ์และได้รับความชื่นชมจากเจ้ากรมนายกรมชั้นผู้ใหญ่เป็นคณานับ
ท่านชายผู้เพียบพร้อมทั้งหน้าที่การงาน รูปลักษณ์และชาติตระกูล
ต้องเจอปัญหาครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตเมื่อได้มาหลงรัก “คุณหนูสร้อยเฟิง”
บุตรีในท่านเจ้าคุณหลี่แก้วขุนนางใหญ่แห่งกระทรวงโยธิการขณะนั้น
แม้จะมีพร้อมทุกอย่าง แต่ความรักนั้นหาได้สมหวังแต่โดยสะดวกไม่ เพราะท่านเจ้าคุณหลี่แก้วทั้งรักทั้งหวงบุตรสาวเพียงคนเดียวดั่งแก้วตาดวงใจ
ท่ายชายถิงอินทร์เฝ้านับวันรอเพื่อลอบพบคุณหนูสร้อยเฟิงใต้ต้นตีนเป็ดข้างกำแพงวังหลวงทุกวันโกนสองยามไม่ขาดไม่เกิน
แต่แล้ววันที่ท่านชายถิงอินทร์หวั่นกลัวที่สุดก็มาถึง
เมื่อได้ยินข่าวเล่าลือจากในวังหลวงว่าท่านเจ้าคุณหลี่แก้วจะถวายตัวคุณหนูสร้อยเฟิงเข้ารับใช้ใกล้ชิดในเขตพระราชฐานชั้นใน
ประกอบกับเป็นที่ท่านชายได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้ากรมชั้นกลางในกระทรวงมหาดไทย
จึงได้ตัดสินใจสู่ขอคุณหนูสร้อยเฟิงมาเป็นภรรยา
ด้วยความกริ่งเกรงในน้ำใจของเจ้าพระยาเฉิน
ท่านเจ้าคุณหลี่แก้วจึงต้องยกคุณหนูสร้อยเฟิงให้อย่างเสียมิได้
เวลาผ่านไป ท่านชายถิงอินทร์ได้เลื่อนยศเป็นท่านเจ้าคุณถิงอินทร์
มีตำแหน่งเป็นเจ้ากระทรวงมหาดไทยในวัยใกล้สี่สิบ
จากคุณหนูสร้อยเฟิงวัยแรกแย้มสดใสในวันนั้น
กลายเป็นคุณหญิงสร้อยเฟิงผู้เพียบพร้อมทั้งรูปโฉม กิริยามารยาท และเกียรติยศ
“คุณพี่จะออกเดินทางในวันพรุ่งแล้วหรือเจ้าคะ”
“ใช่ ครานี้จักต้องไปเมืองพิษณุโลกเสียหลายวัน ข้าไม่อยู่เจ้าจักเหงาหรือไม่
ข้าเป็นห่วงเหลือเกิน”
“น้องไม่เหงาหรอกเจ้าค่ะ ผู้คนเต็มเรือนเสียขนาดนี้”
เสียงหวานของคุณหญิงเอ่ยเรียบแฝงความนัยที่ท่านเจ้าคุณเข้าใจดี
แม้ท่านเจ้าคุณจะมั่นคงในความรักต่อคุณหญิงเพียงใด
แต่ความใคร่นั้นหาใช่เรื่องเดียวกัน ยิ่งเป็นเจ้านายมียศมีเกียรติ
ข้าราชการชั้นผู้น้อยต่างก็หวังพึ่งบารมีส่งเสริมให้บุตรสาวของตนมาคอยปรนนิบัติรับใช้ท่านเจ้าคุณไม่ได้ขาด
คุณหญิงสร้อยเฟิงมิอาจสนองความต้องการแห่งคฤหัสถ์ได้สมดังที่ท่านเจ้าคุณปรารถนา
จึงยอมให้มีการตั้งแต่งหญิงอื่นขึ้นมารับใช้สามีของตนเทียบเท่าเมียคนหนึ่งได้
เพื่อแลกกับการที่ไม่ให้ท่านเจ้าคุณไปเสาะแสวงหาหญิงอื่นไกลพ้นสายตาของคุณหญิง
“ถึงมีใครมากมาย หัวใจข้าก็เป็นของคุณหญิงเพียงคนเดียว อย่าห่วงไปเลย”
เสียงทุ้มเอ่ยปลอบโยนผู้ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาอย่างอ่อนหวาน
ดวงตากลมโตชำเลืองออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดอยู่
เห็นต้นตีนเป็ดที่ปลูกไว้ใกล้เรือนชานเป็นที่ระลึกถึงความหลังครั้งเก่าเมื่อแรกรัก
ยิ่งมองก็ยิ่งหวั่นไหวในหัวใจ
มือแกร่งของเจ้ากระทรวงใหญ่ลูบไล้ไหล่มนปลอบประโลมคนรักที่ยามนี้กำลังน้อยเนื้อต่ำใจ
จมูกโด่งเป็นสันจรดลงข้างแก้มนุ่มสูดความหอมจากน้ำปรุงผสมกลิ่นกายเนื้อแท้ของคุณหญิงหอมละมุนติดตรึงใจ
เรียวคางสองชั้นอวบอิ่ม เนื้อตัวอวบอัดนุ่มนิ่มพอดีมือให้ความสุขใจยามได้กอด แม้จะแนบกายหญิงอื่นใดก็ไม่เคยทำให้ท่านเจ้าคุณชื่นใจได้เพียงนี้...
ด้านนอกบานประตูห้องนอนของเจ้าของเรือนใหญ่
ยังมีคนอีกสองคนเดินย่ำเท้าไม่เบานักเพื่อรอบุรุษผู้เป็นที่ปรารถนา
“น้องหยางมณี น้องจะมัวรีรออย่างนี้ไม่ได้นะคะ วันพรุ่งท่านเจ้าคุณก็ต้องเดินทางไปถึงเมืองสองแควแล้ว
จะปล่อยให้คุณหญิงใช้เวลากับท่านเจ้าคุณเพียงคนเดียวหรือคะ ถึงเป็นเมียรอง
แต่เกียรติของน้องหยางมณีก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า ถึงอย่างไรก็เป็นบุตรท่านเจ้าคุณใหญ่โตเหมือนกัน”
“โธ่ คุณพี่ป๋อจันทร์ น้องเองก็ไม่ได้ใจเย็นนิ่งดูดายเลยนะคะ
ใจน้องยามนี้ก็ร้อนรุ่มราวกับไฟ หากพังประตูเข้าไปได้น้องคงพังไปแล้ว”
คุณนายหยางมณีเมียรองของท่านเจ้าคุณถิงอินทร์กล่าวด้วยความร้อนใจ ยิ่งช่วงนี้งานว่าราชการของท่านเจ้าคุณก็มีไม่น้อย
แทบไม่มีเวลาให้ตนเลย คราวนี้ยังต้องไปทำงานไกลถึงต่างแดนเสียเกือบเดือน
คุณนายหยางมณีได้จึงได้แต่น้อยใจและอิจฉาริษยาคุณหนูสร้อยเฟิงที่ได้ใช้เวลาค่ำคืนสุดท้ายกับท่านเจ้าคุณในยามนี้
ร่างขาวอรชรสมส่วนของคุณนายรองแห่งเรือนเจ้ากระทรวงเดินไปมาด้วยความกังวลใจโดยมีป๋อจันทร์เมียที่สามของท่านเจ้าคุณคอยสังเกตอยู่เป็นระยะ
ป๋อจันทร์นั่งพับเพียบข้างเสาเรือนด้วยความเบื่อหน่าย ถอนหายใจไปพลางตบยุงไปพลาง
คุณนายหยางมณีได้แต่เดินไปมาหน้าประตูห้องนอนของท่านเจ้าคุณถิงอินทร์และคุณหญิงสร้อยเฟิงมากว่าชั่วโมงแล้ว
ป๋อจันทร์อยากจะยุให้พังประตูเข้าไปเสียเหลือเกิน กลัวอะไรกัน อย่างไรก็เมีย
ท่านเจ้าคุณหรือจะว่าอะไรได้ คุณหญิงเองก็ไม่เคยมีปากมีเสียง
จะมามัวรอให้เสียเวลาก้ไม่รู้ท่านเจ้าคุณจะออกมาหรือเปล่า
“ถ้าน้องหยางมณียังมัวรออยู่อย่างนี้ พี่ก็คงจะไม่รอเป็นเพื่อนแล้วนะคะ
ดูท่าแล้วท่านเจ้าคุณคงจะอยู่กับคุณหญิงทั้งคืน”
“พี่ป๋อจันทร์ รอเป็นเพื่อนน้องก่อนเถอะนะคะ
น้องไม่เชื่อหรอกว่าท่านเจ้าคุณจะใจร้ายทิ้งน้องไปแดนไกลโดยไม่ร่ำลา”
ป๋อจันทร์กลอกตาขึ้นฟ้าอย่างเหนื่อยหน่ายในความคิดของหยางมณี
‘รอไปถึงชาติหน้าเถอะ’
“ถ้าน้องหยางมณีคิดอย่างนั้นพี่ก็จะไปนอนก่อนแล้วนะคะ ง่วงก็ง่วง
ยุงก็เยอะอีก”
ไม่ทันที่ป๋อจันทร์จะก้าวเท้าเดินกลับเรือนตัวเอง
เสียงประตูห้องของคุณหญิงสร้อยเฟิงก็ถูกเปิดออก
เจ้าของเรือนก้าวเท้าข้ามธรณีประตูออกมาแล้วชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีคนอยู่ด้านนอก
“คุณพี่ น้องรอคุณพี่อยู่ตั้งนานแหนะเจ้าค่ะ
อยากจะร่ำลาคุณพี่เสียก่อนต้องไปว่าราชการถึงเมืองไกล”
ป๋อจันทร์รีบปรี่เข้าไปยืนด้านข้างท่านเจ้าคุณออดอ้อนออเซาะเสียจนออกนอกหน้า
ขณะเดียวกันด้านหลังบานประตูคุณหญิงสร้อยเฟิงก็เดินออกมายืนเคียงคู่สามีของตน
ผิวกายขาวผ่องที่โผล่พ้นเหนือผ้าแถบยังพอเห็นรอยสีกุหลาบจาง ๆ
ร้อนถึงคุณนายหยางมณีให้ริษยาตาร้อนจนแทบทนไม่ได้
จะต้องออกมาเย้ยหยันกันถึงเพียงนี้เลยหรืออย่างไรคะคุณพี่สร้อยเฟิง
หยางมณีคิดอย่างคับแค้นใจ
“คุณหญิงเป็นห่วงน้องหยางมณี กลัวว่าจะเหงาหากข้าต้องจากเรือนไปนาน
เลยอยากให้ข้ามาหาเจ้าก่อนจะถึงวันรุ่ง”
หยางมณีได้ฟังก็เชิดสายตาด้วยความไม่พอใจ เหตุใดจะต้องมานึกเป็นห่วงตนกัน
หรือจะเป็นเพียงฉากหน้าของแม่พระแสนดีเพื่อเอาใจท่านเจ้าคุณหรือกระนั้น
“แล้วน้องล่ะคะคุณพี่” ป๋อจันทร์พูดแทรกขึ้น
“อีกไม่ถึงสองชั่วยามก็รุ่งสางแล้ว
ให้ท่านเจ้าคุณได้ใช้เวลากับหยางมณีเถิด เอ็งมิใช่เมียแต่งในเรือน
อย่าได้มักใหญ่ใฝ่สูงนัก” คุณหญิงสร้อยเฟิงกล่าวเสียงเรียบ
ด้วยหยางมณีถึงอย่างไรก็เป็นถึงบุตรีท่านเจ้าคุณ ทั้งยังตบแต่งเข้าเรือนออกหน้า
คุณหญิงจึงให้เกียรติมากกว่าเมียคนอื่น ๆ
ป๋อจันทร์ได้ฟังคำคุณหญิงก็ไม่พอใจเป็นอันมาก
ส่งสายตาร้องขอความยุติธรรมไปยังท่านเจ้าคุณซึ่งเป็นคนกลาง
“อย่าได้น้อยอกน้อยใจไปเลยป๋อจันทร์ เพลานี้ข้ามีเวลาไม่มาก
ขอเจ้าจงรอ
หากข้ากลับมาเมื่อไหร่ข้าขออนุญาตคุณหญิงแล้วว่าจะไปหาเจ้าเป็นคนแรกเทียว”
ป๋อจันทร์กัดริมฝีปากอย่างไม่อาจขัดผู้เป็นเจ้าของเรือนได้ก่อนกระทืบเท้าปึงปังลงจากเรือนใหญ่ไปเพื่อกลับเรือนของตนโดยมิได้กล่าวคำร่ำลาผู้มีศักดิ์มากกว่าแม้สักนิด
คุณหญิงสร้อยเฟิงได้แต่มองกิริยาท่าทางนั้นโดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ
“คุณหญิงอย่าได้อึดอัดขัดใจไปเลย ป๋อจันทร์มิได้เติบโตในรั้วในวังเช่นคุณหญิง
กิริมารยาทอาจจะไม่สำรวมไปบ้าง อย่างไรก็ต้องฝากคุณหญิงอบรมเขาด้วย”
คุณหญิงสร้อยเฟิงมิได้พูดต่อความอันใดเรื่องป๋อจันทร์
เพียงแต่มองผู้เป็นสามีแล้วกล่าวฝากฝังหยางมณีก่อนเดินกลับเข้าห้องแล้วปิดประตูไป
หยางมณีไม่ได้กล่าวสิ่งใดเพียงเดินหนีเข้าห้องของตนเช่นกัน
เดือดร้อนท่านเจ้าคุณต้องรีบเดินตาม
คุณนายหยางมณีมียศศักดิ์เป็นถึงคุณนายเพราะแต่งเข้าเรือนท่านเจ้าคุณ
แต่หยางมณีเป็นเพียงหญิงสาววัยแรกแย้มอายุเพียงยี่สิบเท่านั้น
ห้าปีก่อนท่านเจ้าคุณหยางเดชสหายเก่าของเจ้าพระยาเฉินเพชรบิดาของหยางมณีเดือดร้อนเงินทองอีกทั้งยังป่วยหนัก
จึงได้ฝากหยางมณีไว้ให้อยู่ในความดูแลของท่านเจ้าคุณถิงอินทร์บุตรชายของสหายเก่า
เมื่อแรกท่านเจ้าคุณไม่คิดจะรับไว้ตบแต่งในฐานะเมีย
แต่ดวงหน้าพริ้มเพราและเสน่ห์แห่งสาวแรกรุ่นทำไมท่านเจ้าคุณไม่อาจห้ามใจตนเอง ครั้งนั้นเป็นความผิดครั้งแรกต่อความรักที่มีให้คุณหญิงสร้อยเฟิง
แต่ด้วยจิตใจอันงดงามของคุณหญิงซึ่งเอ็นดูหยางมณีมากกว่าใคร
ท่านเจ้าคุณจึงได้แต่งหยางมณีเข้าเรือนมาเป็นเมียรองจนถึงทุกวันนี้
หยางมณียืนนิ่งอยู่กลางห้องของตน
เสียงปิดประตูดังตามมาก่อนผู้เป็นสามีจะขยับเข้ามาใกล้จากด้านหลัง
“หากไม่เป็นเพราะพี่สร้อยเฟิงฝากฝังไว้ คุณพี่คงไม่คิดจะมาหาน้องเลยสินะเจ้าคะ”
หยางมณีเอ่ยตัดพ้อ
“อะไรทำให้เจ้าคิดอย่างนั้นกันหยางมณี” มือแกร่งเชยคางเรียวขึ้นสบสายตา
ดวงตาเรียวรีเอ่อท้นหยาดน้ำใสด้วยความน้อยใจ ดวงหน้าคมคายโน้มลงจูบซับน้ำตา
มือหนาโอบประคองเอวคอดให้เบียดชิดเข้าหา “อย่าได้กังวลเรื่องใดเลย
เวลานี้มีเพียงข้ากับเจ้าเท่านั้น”
สิ้นคำเรียวปากนุ่มก็ประทับแนบริมฝีปากบางคลึงเคล้าปลอบโยนผู้เป็นภรรยาอย่างรักใคร่
ร่างบางถูกดันจนติดอู่นอนก่อนเอนกายราบไปพร้อมจุมพิตแสนหวานของสามีผู้เป็นดั่งดวงใจ
หนึ่งเดือนผ่านไป... ณ เรือนท่านเจ้าคุณถิงอินทร์
ที่เรือนกลาง เหล่าภรรยาท่านเจ้าคุณอยู่กันพร้อมหน้า
คุณหญิงสร้อยเฟิงและคุณนายหยางมณีร่วมรับประทานอาหารกลางวันอยู่บนพื้นยกสูง
มีป๋อจันทร์และบ่าวไพร่คอยรับใช้
“น้องหยางมณีคะ ม้าเร็วส่งข่าวมาว่าท่านเจ้าคุณจะกลับมาวันนี้แล้ว
น่าดีใจเหลือเกินนะคะ” ป๋อจันทร์พูดขึ้นด้วยความระรี้ระริก
“เอ็งดีใจเพราะท่านเจ้าคุณสัญญาไว้ว่าจะกลับมาหาเอ็งคนแรกล่ะสิ” นวล
บ่าวคนสนิทของคุณหญิงเอ่ยขึ้นเหน็บแนมป๋อจันทร์
“อะไรกันนังนวล ข้าเป็นถึงเมียท่านเจ้าคุณ
แต่เอ็งเรียกข้าแบบนี้อีกแล้วนะ”
“แล้วจะให้ข้าเรียกเอ็งว่าอย่างไร คุณหญิงรึ คุณนายรึ
เป็นเมียท่านเจ้าคุณแต่ไม่ได้แต่ง ก็เป็นไพร่เหมือนกันแหละวะ”
“อีนวล ! ”
“พอได้แล้ว พวกเอ็งนี่อะไรกัน
คุณหญิงนั่งอยู่ตรงนี้ยังจะเถียงกันไม่ได้มีความเกรงใจ” น้อย
บ่าวอีกคนของคุณหญิงพูดขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าการถกเถียงชักจะลุกลามไปกันใหญ่
“พอเถอะ นวล น้อย ข้าจะเข้าห้องแล้ว วันนี้อากาศร้อนนัก
รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว” คุณหญิงเอ่ยขึ้นในที่สุด
“แต่คุณหญิง ถ้าท่านเจ้าคุณกลับมาล่ะเจ้าคะ” นวลถามขึ้น
“หยางมณี ข้าฝากเจ้าดูแลปรนนิบัติท่านเจ้าคุณด้วย
บอกคุณพี่ไปว่าข้าไม่สบาย”
“เจ้าค่ะ” คุณนายรองรับคำเสียงแข็ง
ไม่เคยเข้าใจการกระทำของคุณหญิงแม้เพียงนิดว่าทำไมถึงต้องทำเหมือนเป็นห่วงเป็นใยตนเช่นนี้
ก่อนท่านเจ้าคุณออกว่าราชการนั่นก็คราวหนึ่ง ถึงอย่างไรตนก็เป็นเมียรอง
จะมีเมียหลวงที่ไหนมาดีกับเมียเล็กของสามี
การกระทำของคุณหญิงทำให้หยางมณีไม่อาจไว้วางใจ
ฤๅเบื้องหลังหน้ากากที่สวมใส่จะคิดร้ายสิ่งใดอยู่กันแน่
“ถ้าบอกว่าคุณหญิงไม่สบาย
มีหรือท่านเจ้าคุณจะนิ่งดูดายขี้คร้านจะรีบไปดูอาการ เผลอ ๆ
คงจะขลุกอยู่แต่กับคุณหญิงไม่สนใจอย่างอื่นเลยกระมัง”
ลับหลังคุณหญิงและบ่าวไพร่เดินออกไปแล้วป๋อจันทร์ก็เอ่ยขึ้น
“น้องไม่เคยเข้าใจคุณหญิงเลยค่ะพี่ป๋อจันทร์...”
ไม่นานบ่าวจากด้านล่างของเรือนก็วิ่งขึ้นมาส่งข่าว
“ท่านเจ้าคุณกลับมาแล้วขอรับ”
หยางมณีตวัดสายตาไปยังบ่าวที่ขึ้นมาส่งข่าวนั้น
“ใครใช้ให้เอ็งขึ้นมาถึงบนเรือนกัน ฮั่นศักดิ์
เดี๋ยวนี้คนสวนบ้านนี้ถือสิทธิ์กล้าดีถึงเพียงนี้แล้วรึ”
“ขออภัยขอรับคุณนาย เรือนชานด้านล่างไม่มีบ่าวไพร่อยู่เลย
กระผมจึงรีบมาเรียนให้พวกคุณ ๆ ทราบกัน เกรงว่าจะล่าช้าขอรับ” ฮั่นศักดิ์
คนสวนประจำเรือนท่าเจ้าคุณถิงอินทร์ก้มหน้าตัวสั่นเทาด้วยความกลัวโทษทัณฑ์
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ พ่อฮั่นศักดิ์ ขึ้นมาส่งข่าวก็ดีแล้ว
น้องหยางมณีอย่าได้ถือสาเลยนะคะ พ่อฮั่นศักดิ์เขาหวังดี
เราก็รีบไปเตรียมตัวต้อนรับท่านเจ้าคุณกันเถอะค่ะ”
หยางมณีไม่ได้ต่อความเดินผ่านฮั่นศักดิ์ลงจากเรือนไปโดยไม่ได้สนใจคนสวนชั้นไพร่อีก
ป๋อจันทร์รีบเดินตามคุณนายรองไม่ห่าง
เมื่อลงมาถึงชานเรือน เกวียนเทียมคนลากของท่าเจ้าคุณก็มาถึงพอดี
หยางมณีเผยรอยยิ้มออกมาเต็มแก้ม ยินดีที่จะได้พบสามีผู้เป็นที่รักที่แสนคิดถึง
เมื่อท่านเจ้าคุณก้าวลงจากเกวียน หยางมณีก็รีบเดินรี่เข้าไปหาด้วยความดีใจ
แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก
เมื่อท่านเจ้าคุณยื่นมือไปรับใครอีกคนที่อยู่ในเกวียนให้ลงมาด้วยกัน...
สาวน้อยแรกรุ่นงามสะพรั่ง
ดวงหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราเผยรอยยิ้มสดใสไร้มลทิน หยางมณีถึงกับสะดุดลมหายใจ
ภาวนาอย่าให้เป็นอย่างที่ตนกลัวเลยเถิด
ท่านเจ้าคุณยิ้มละมุนก่อนเอ่ยขึ้น
“นี่หยวนรตี มาจากเมืองสองแคว”
“แล้ว...” เสียงของหยางมณีขาดหายไป
ไม่อาจเอ่ยอคำพูดที่อาจกรีดหัวใจตนเอง
“พ่อของหยวนรตีฝากฝังมันกับข้าไว้
ต่อไปนี้พวกเอ็งก็ช่วยชี้แนะดูแลหยวนรตีมันด้วยแล้วกัน”
เมื่อท่านเจ้าคุณเอ่ยจบก็ประคองหยวนรตีหมายจะขึ้นเรือน
แต่ป๋อจันทร์ทักท้วงไว้ก่อน
“แล้วที่คุณพี่บอกไว้ว่ากลับมาจากพิษณุโลกแล้วจะอยู่กับข้า...”
“ข้าต้องขอโทษด้วยนะป๋อจันทร์ แต่เจ้าก็เห็น หยวนรตียังมาใหม่
ไม่คุ้นเมืองหลวงและบ้านเรือนของเรา ข้าคงต้องดูแลมันก่อน หวังว่าเอ็งจะเข้าใจ”
ท่านเจ้าคุณประคองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาคนที่สี่ผ่านหน้าคุณนายรองและป๋อจันทร์ขึ้นเรือนไป
ป๋อจันทร์กรีดร้องเสียงไม่เบานักระบายความไม่พอใจของตน
หยางมณีได้เพียงแต่ยืนนิ่งริมฝีปากสั่นระริก
น้ำตารินไหลอาบแก้มทั้งสองข้างโดยไม่เอ่ยคำใด
..........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น